เอสซีจี ชูผลิตภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิลส่วนหนึ่งของนวัตกรรม Green Meeting สู่การประชุม ASEAN SUMMIT 2019 ที่ จ.เชียงใหม่ ผลักดันการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
เอสซีจี ร่วมนำเสนอ นวัตกรรม “Green Meeting” ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนปี 2562 ได้จัดขึ้น ณ จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผ่านการใช้ในงานแถลงข่าวการเป็นประธานอาเซียน (ASEAN SUMMIT 2019) เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมากลับมาใช้ซ้ำ ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด
อาทิ ฉากหลังสำหรับถ่ายภาพ เก้าอี้กระดาษ แท่นบรรยาย กล่องกระดาษสำหรับรับคืนป้ายชื่อคล้องคอ รวมถึงกระเป๋าถุงปูน และตะกร้าสานจากเส้นเทปกระดาษ ที่นำวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตของเอสซีจีมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรณรงค์สร้างจิตสํานึก และเชิญชวนผู้ร่วมงานร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนสามารถร่วมกันปฏิบัติได้
ในโอกาสเดียวกันนี้ ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการดังกล่าว นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้มอบฉากหลังสำหรับถ่ายภาพ เก้าอี้กระดาษ และแท่นบรรยาย ให้กับโรงเรียนบ้านเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับหมุนเวียนนำไปใช้ใหม่เป็นสื่อการเรียนการสอนให้เยาวชนตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย
ก้าวต่อไป เอสซีจีจะยังคงมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยการพัฒนาต่อยอดความยั่งยืนโดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผสานกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยยกระดับกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจเติบโตควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ตลอดจนเดินหน้าสร้างความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนอาเซียนให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก และพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในองค์กรต้นแบบที่ช่วยถ่ายทอดและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ที่สนใจ ด้วยเชื่อมั่นว่าจะมีส่วนช่วยยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป