หลายปีที่ผ่านมา เรามักเห็นภาพความกระตือรือร้นของผู้ประกอบการธุรกิจที่จะก้าวสู่ความเป็นที่หนึ่งในวงการที่มีการแข่งขันกันสูง แต่ทว่า “ที่หนึ่ง” ไม่ได้หมายถึงความยั่งยืนเสมอไป โดยเฉพาะในวงการธุรกิจที่เกี่ยวพันกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้นิยามและการมองเป้าหมายของธุรกิจยุคนี้เปลี่ยนไป จากคำว่า “ที่หนึ่ง” มาเป็น “ยั่งยืน”
“ยั่งยืน” พูดง่ายแต่ทำยาก
บริษัท ดิจิตอลคอม จำกัด เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าทางด้านระบบรักษาความปลอดภัย การให้บริการสินค้าที่มีคุณภาพ จัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าชั้นนำในอันดับ TOP 5 ของโลก พร้อมทั้งนำเสนอ Software Solution และสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า ผ่านทางคู่ค้าและตัวแทนจำหน่าย มากว่า 30 ปี ภายใต้การบริหารงานของ คุณสุวิช จิตรเกษมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิตอลคอม จำกัด
“ดิจิตอลคอมมีวิสัยทัศน์ที่ Realistic มาก เรามองธุรกิจ คือ การดำเนินชีวิตที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ทำอย่างไรเราจึงจะอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขและมีความหมาย “Sharing Happiness and Success” คือ คำตอบของเรา เราไม่ได้ต้องการเป็นอันดับหนึ่งในวงการธุรกิจรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย เพียงแต่ว่าธุรกิจรักษาความปลอดภัย เป็นเครื่องมือหนึ่งในการดำเนินชีวิตที่ค่อยๆ เติบโตอย่างยั่งยืน”
อยู่อย่างไรภายใต้ภาวะขึ้น-ลง ของวัฏจักรธุรกิจ
กว่า 30 ปีที่ดิจิตอลคอมอยู่ในวงการจัดจำหน่าย (Distributor) กล้องวงจรปิด ก่อนที่จะขยายสู่การบริหารโครงการขนาดใหญ่ให้กับภาครัฐและเอกชน ย่อมมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นวัฏจักรของธุรกิจมีขึ้น มีลง และพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
“สถานการณ์ ณ วันนี้ พบว่า กล้องวงจรปิดจากจีน คุณภาพดี ราคาถูก ได้เข้ามาตีตลาดในประเทศไทย แตกต่างจากในอดีตที่กล้องยุโรปกับกล้องจีนมีความแตกต่างด้านเทคโนโลยีค่อนข้างมาก ทำให้เกิดการแชร์ส่วนแบ่งตลาดไปโดยเฉพาะในส่วนของตลาดล่างและตลาดกลาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเราค่อนข้างมาก
กลยุทธ์ที่เราวางไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว คือ วันนี้เราคงไม่ได้ขายแค่กล้องอย่างเดียว เราคงต้องสร้างโซลูชั่นส์ที่สามารถอินทริเกตเทคโนโลยีจากต่างประเทศกับเทคโนโลยีที่พัฒนาภายในประเทศจากคณาจารย์มหาวิทยาลัยเพื่อสร้างความแตกต่าง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตลาดกล้องวงจรปิดไทย เมื่อรวมเข้ากับจุดแข็งที่ดิจิตอลคอมมี คือ กระบวนการในการคัดเลือกสินค้าที่ใช่ และตอบโจทย์วันนี้และในอนาคตได้
สร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับ
ดิจิตอลคอมเราเชี่ยวชาญทางด้านกล้องวงจรปิด หรือโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับภาพ และการวิเคราะห์ภาพระดับ TOP 3 ของประเทศไทย ดูได้จากผลงานที่ทำให้ทางตำรวจภาค 5 (ภาคเหนือ) ดิจิตอลคอมเป็นเจ้าแรกที่บูรณาการกล้องวงจรปิดหลากหลายยี่ห้อกว่า 1,000 ตัว ให้มาอยู่ในระบบเดียวกัน สามารถวิเคราะห์ภาพได้จริง และใช้ประโยชน์ได้จริง และหากย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ดิจิตอลคอมก็เป็นเจ้าแรกเช่นกันที่ทำกล้องวงจรปิดของกรมศุลกากร 3,000 ตัวให้เป็นโครงข่ายเดียวกัน และมีระบบรองรับเช่นกัน
“เรามักพูดถึงคำว่า Smart City และนิยามของ Smart City มีเยอะแยะ แต่พื้นฐานประการแรกคือ Safe City ต้องสะอาด ต้องปราศจากอาชญากรรม แต่ตราบใดที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยขยะ เต็มไปด้วยอาชญากรรม ไม่มีความปลอดภัย คุณจะสมาร์ทได้ไหม มันไม่ได้หมายความว่าคุณมีกล้องวงจรปิดไว้ทุกแห่งหนแล้วทำให้ Safe City แต่ต้องมีระบบ ที่จะทำให้กล้องวงจรปิดสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงจะสามารถเซฟเมือง และเซฟชีวิตของผู้คนที่อยู่ในเมืองได้”
ส่องอนาคตธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย
ในปีที่ผ่านมาพบว่า ธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยมีการเติบโตสม่ำเสมอ เนื่องจากประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ทำให้เกิดความต้องการระบบที่จะมาดูแลความปลอดภัยของประชากรกลุ่มนี้มากขึ้น ดังนั้นในแง่ของการเติบโต เชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเครื่องไม้เครื่องมือหรือโซลูชั่นส์ที่จะนำมาใช้ก็จะมีความแอดว้านซ์มากขึ้นตามทิศทางของเทคโนโลยี
ปัจจุบันเทคโนโลยีที่เป็นฐานหลักทางฝั่งซีเคียวริตี้ คือ เรื่องของการนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้ในการวิเคราะห์ใบหน้า และการบูรณาการ Big Data หรือ Big Data Analytics การนำข้อมูลจำนวนมากที่เก็บไว้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ดังนั้นแนวโน้มเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยนับจากนี้ไป คือ จะมีการนำระบบ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายระบบได้ จึงจะมีประโยชน์
สิ่งที่ดิจิตอลคอมสนองตอบต่อแนวโน้มดังกล่าว ด้วยการเป็นตัวแทนให้กับ ฮิตาชิ แวนทารา ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมโยงการวิเคราะห์ข้อมูล เชื่อมโยงกับการเก็บบันทึกข้อมูลวิดีโอ ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับ Big Data
“เราเชื่อว่า ฮิตาชิ แวนทารา คือ โปรดักส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต เพราะมีแพลตฟอร์มระบบวิเคราะห์ การเชื่อมโยงเข้ากับฐานข้อมูลที่เป็นฐานข้อมูลวิดีโอที่เราจะนำมาใช้ในการออกแบบเมืองอัจฉริยะ (smart city) ในอนาคตได้”