เอสซีจี ทรานส์ฟอร์มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ดัน “เซอร์วิสโซลูชัน” ตอบโจทย์ลูกค้า

เอสซีจี เผยแผนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างปี 2020 ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่บริการก่อสร้างครบวงจร ผ่าน “เซอร์วิสโซลูชัน” ได้แก่ “Construction Solution” และ “Living Solution” พร้อมรุกธุรกิจ “ร้านค้าปลีกแบบ Active OMNI-Channel” ตอบโจทย์วงการก่อสร้างและที่อยู่อาศัยครบวงจร

นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยราว 1-2% ต่อปีเท่านั้น จากภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง การสร้างบ้านใหม่เติบโตเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดรีโนเวทหรือซ่อมแซมบ้านเก่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3% เป็น 10% คิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 3 หมื่นล้านบาท จากตลาดรวมวัสดุก่อสร้าง 1.4 ล้านล้านบาท

ดังนั้นเพื่อให้ตอบโจทย์วงการก่อสร้างและที่อยู่อาศัย ปี 2020 เอสซีจีซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จึงปรับโมเดลธุรกิจสู่บริการก่อสร้างครบวงจรทั้ง “สินค้า บริการ และช่องทางการขาย”  โดยได้พัฒนา “Service Solution” ครอบคลุมทั้งงานสร้างใหม่ไปจนถึงงานรีโนเวท ภายใต้ 2 โซลูชันหลัก ได้แก่ Construction Solution” และ “Living Solution” ให้กับกลุ่มช่าง ผู้รับเหมา และเจ้าของบ้าน ด้วยสินค้าพร้อมบริการและโซลูชันครบวงจร ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลตอบโจทย์ความสะดวกสบาย รวดเร็ว และแก้ปัญหา “หาช่างยาก ไม่รู้จะซื้อของที่ไหน งานไม่ได้มาตรฐาน”

นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี

ขณะเดียวกันได้พัฒนาช่องทางค้าปลีกแบบ Active OMNI-Channel เชื่อมต่อประสบการณ์ทั้งร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ เลือกซื้อสินค้าและบริการจากเอสซีจีได้ทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเริ่มต้นหาข้อมูลหรือคุยกับร้านใหม่ เพราะเราจะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้อย่างต่อเนื่อง และได้นำรีเทลเทคโนโลยีมาใช้ อาทิ เทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ที่ช่วยแสดงแบบจำลองห้องต่างๆ จากการออกแบบกับทางเอสซีจี และหากลูกค้าต้องการมาดูของจริง ก็สามารถมาดูได้ที่ร้าน SCG HOME สาขาใกล้บ้านได้

“เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือเจ้าของโครงการในปัจจุบันไม่ได้ต้องการแค่สินค้าคุณภาพเท่านั้น แต่ต้องการงานก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน สามารถควบคุมงบประมาณได้ อีกทั้งลูกค้ายังขาดความรู้ด้านงานก่อสร้าง จึงต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนต้องการเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว จากปัญหาและความต้องการเหล่านี้ ธุรกิจจึงต้องพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้”

นายชนะ ภูมี Vice President – Cement and Construction Solution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี

ด้าน นายชนะ ภูมี Vice President – Cement and Construction Solution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจีได้คิดค้นพัฒนา Construction Solution ซึ่งถือเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ ในรูปแบบ Solution for Life ที่จะช่วยยกระดับวงการก่อสร้างทั้งอีโคซิสเท็ม ช่วยให้ช่างและผู้รับเหมาทำงานได้ดีขึ้น แก้ปัญหาต้นทุนสูง งานล่าช้า งานไม่ได้มาตรฐาน หรือที่เรียกว่า Waste ให้น้อยลง เพื่อให้เกิด Wealth เพิ่มขึ้น  ด้วย 1) เทคโนโลยีการก่อสร้าง 2) โซลูชันที่พัฒนาแบบ Personalize คือ พัฒนาจากปัญหาและความต้องการของช่างแต่ละบุคคล (Customer-Centric) พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ “CPAC Solution Center” Co-Working Space สำหรับคนในวงการก่อสร้างแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อเป็นที่แลกเปลี่ยน ให้คำปรึกษา และให้บริการโซลูชันงานก่อสร้าง ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับวงการก่อสร้างได้อย่างครบวงจร”

นอกจากปัญหาเรื่องการก่อสร้างแล้ว เอสซีจีพบว่า ปัจจุบันลูกค้ายังมีปัญหาเรื่องการอยู่อาศัยด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ้านร้อน ฝุ่นละออง ความปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ เอสซีจีจึงได้พัฒนาองค์ความรู้ด้านการอยู่อาศัยร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรภายนอก จนเกิดโซลูชันเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการอยู่อาศัยภายใต้ Living Solution ได้แก่ 1) โซลูชันด้านความสบายในการอยู่อาศัย (Comfort) แก้ปัญหาบ้านร้อน สร้างสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยภายในบ้าน 2) โซลูชันด้านพลังงาน (Energy) โดยพัฒนา SCG SOLAR ROOF SOLUTIONS เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้พลังงานสะอาด ประหยัดค่าไฟ และช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ 3) โซลูชันด้านความปลอดภัยภายในบ้าน (Safety) เช่น โซลูชันปรับพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ เป็นต้น ซึ่งในอนาคตจะมีโซลูชันด้านที่อยู่อาศัยทยอยออกสู่ตลาดมามากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมี โซลูชันสำหรับงานรีโนเวทหรืองานซ่อมแซม โดยได้พัฒนาบริการด้านหลังคาภายใต้ชื่อ SCG Roof Renovation ซึ่งให้บริการตั้งแต่งานซ่อมปรับปรุงหลังคาบ้านเก่า บริการซ่อมหลังคารั่ว ไปจนถึงบริการทาสีหลังคา และได้นำเทคโนโลยีโดรนมาใช้สำรวจหน้างาน ช่วยให้ทำงานสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย อีกทั้งยังได้พัฒนา Smart  Application มาใช้ในการถอดแบบ ประมาณการราคาจากภาพถ่าย เพื่อให้ลูกค้าได้รับใบเสนอราคาได้รวดเร็วขึ้น

ทั้งนี้ เอสซีจีได้พัฒนาเครือข่ายช่างที่ผ่านการอบรมจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับ จึงมั่นใจได้ในมาตรฐานการติดตั้ง รวมทั้งเรื่องการขนส่งสินค้า ที่มีเครือข่ายการจัดส่งสินค้าวัสดุก่อสร้างกว่า 840 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งการรุกธุรกิจรีเทลในครั้งนี้ ทำให้เอสซีจีมีความพร้อมทั้งด้านสินค้า บริการ เทคโนโลยี และเครือข่ายพันธมิตร เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและไว้วางใจการให้บริการของเอสซีจี