นวัตกรรมใหม่ “มาตรการทดแทนปูนเม็ด” พิสูจน์แล้วลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง

สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย และ สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย และ สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ผนึกกำลังกับ 5 กระทรวง และ 16 หน่วยงาน เพื่อแสดงเจตจำนงขับเคลื่อนร่วมกัน ภายใต้แนวคิด   “Together for our World”  รวมพลังเพื่อโลกของเรา และร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจ

ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์: มาตรการทดแทนปูนเม็ด

นายชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย กล่าวว่าการลดก๊าซเรือนกระจกไม่ได้เป็นเรื่องการดำเนินการเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเรื่องของทุกคน/ ทุกภาคส่วนต้องดำเนินการร่วมกัน ทั้งนี้ อยากให้มองว่าการดำเนินการในวันนี้ ท้ายสุดแล้วเป็นผลดีต่อเราทุกคน ลูกหลานของเรา และคนรุ่นต่อๆ ไป

ล่าสุดภาคธุรกิจอุตสาหกรรมได้จัดทำ “มาตรการทดแทนปูนเม็ด” ในสาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ โดยมีความตั้งใจที่จะร่วมกันขับเคลื่อนส่งเสริมให้มีการใช้”ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “มาตรการทดแทนปูนเม็ด” ทั้งในส่วนของงานภาครัฐ, ภาควิชาชีพ,ภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษาเพราะ’ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก’ มีคุณสมบัติสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ หรือ CO2ได้ไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ภายในปี  2565

​’ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Friendly Industry) ในแวดวงผู้ผลิตปูนซีเมนต์ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อการก่อสร้างยุคใหม่ ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  และได้พัฒนา “ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” ขึ้นมาใช้เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ‘

​เนื่องจากการผลิตปูนซีเมนต์จะมีกระบวนการเผาวัตถุดิบเพื่อเปลี่ยนให้เป็นปูนเม็ด (Clinker) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มี การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมา ดังนั้นหากใช้ปูนเม็ดในสัดส่วนที่น้อยลง  ก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา จากผลวิจัยพบว่า​ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก  เป็นปูนซีเมนต์ที่มีวิธีการผลิตเช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เพียงแต่มีความแตกต่างในด้านส่วนผสมตามคุณลักษณะทางเคมี

ทั้งนี้ ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ยังมีคุณลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 2594 ซึ่งคล้ายคลึงกับมาตรฐาน ASTM C1157 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้ใช้งาน และยังได้มาตรฐาน มอก. 2594 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตต้องควบคุมคุณภาพด้านกำลังอัด (Strength) ตามระยะเวลาที่กำหนด และควบคุมการขยายตัวที่อายุ 14 วัน จึงจะสามารถใช้ในงานก่อสร้างทั่วๆ ไป และ งานก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการกำลังอัด และความทนทานสูง ได้ เช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์

​ความสำเร็จของความร่วมมือนี้ “Together for our World” ทำให้ประเทศไทยลดการปล่อย CO2 ได้ไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน CO2ในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่า Thailand NDC Roadmap ที่กำหนด การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) สนับสนุน Thailand NDC และข้อตกลงปารีสในการรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก