ประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทน กรณีรถยนต์กระบะเสียหลักพลิกคว่ำ ที่จังหวัดเชียงใหม่แล้ว เลขาธิการ คปภ.-ผู้ว่าฯ ปทุมธานี ร่วมเป็นสักขีพยาน
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์หมายเลขทะเบียน ฆฐ 3307 กรุงเทพมหานคร เสียหลักพลิกคว่ำ บริเวณทางโค้งกิโลเมตรที่ 31 จอมทอง-ดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 5 ราย เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ นายสมพงษ์ ศรีอนันท์ นายกเทศมนตรีตำบลหลักหก จังหวัดปทุมธานี
โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายกลยุทธ์องค์กร บูรณาการทำงานร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค โดยสำนักงาน คปภ.ภาค 1 (เชียงใหม่) และสำนักงาน คปภ.ภาค 6 (ชลบุรี) ลงพื้นที่ติดตามและตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถยนต์กระบะคันเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งพบว่า ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 11001-899-203389732 เริ่มคุ้มครองวันที่ 5 มิถุนายน 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 5 มิถุนายน 2564 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตามกรมธรรม์เลขที่ 63-1-5-187751 ทำสัญญาวันที่ 23 มีนาคม 2563 เริ่มคุ้มครองวันที่ 18 เมษายน 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 18 เมษายน 2564
ทั้งนี้ จากการติดตามและบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย บริษัทผู้รับประกันภัยทั้งสองแห่ง จึงได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตทั้ง 5 รายแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,035,000 บาท เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ณ วัดนาวง ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยแยกเป็น ผู้โดยสาร (บุคคลภายนอก) จำนวน 3 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 1,700,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท กรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก) โดยบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) พิจารณาจ่ายตามฐานานุรูปเต็มตามความคุ้มครองจำนวน 1,000,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) จำนวน 200,000 บาท
สำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ขับขี่ คือ นายสมพงษ์ ศรีอนันท์ นายกเทศมนตรีตำบลหลักหก จังหวัดปทุมธานี จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 235,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) จำนวน 200,000 บาท ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้โดยสารอีก 1 ราย ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว จะได้รับค่าสินไหมทดแทน จำนวน 700,000 บาท จากกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท และสัญญาแนบท้ายประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) จำนวน 200,000 บาท โดยเลขาธิการ คปภ. และนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นสักขีพยาน และกล่าวแสดงความเสียใจพร้อมให้กำลังใจแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้ง 5 ราย
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งและขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต จากอุบัติเหตุดังกล่าว และขอฝากไปยังประชาชนทุกคน ควรตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด และควรทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัย จะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัย และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย