OCCURA: Hidden Gem สายแว่น ที่ให้ได้มากกว่าคำว่า กรอบสวย
ถ้าพูดถึงแบรนด์ร้านแว่นตาที่กำลังมาแรงในบ้านเราตอนนี้ เชื่อว่าชื่อของ โอคูระ (OCCURA) ร้านแว่นตาสุดคราฟท์ คงจะเป็นอีกชื่อที่อยู่ในท๊อปลิสต์ของใครหลายคนไปแล้ว ความซ่อนตัวอยู่ในอาคารสำนักงานที่ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ Hidden Gem สายแว่นแห่งใหม่นี้ก็สามารถเข้าไปชิงพื้นที่ในใจของคนใส่(รัก)แว่นและเหล่าเซเลบบริตี้ได้อย่าง(ไม่น่า)ประหลาดใจ
เหมือนเปิดประตู… สู่อีกพรมแดน
“When Vision And Art Combine” ถูกเขียนไว้ทักทายลูกค้าตั้งแต่ทางเข้า ก่อนลูกค้าจะเดินผ่านไปยังโถงทางเดินที่มีดิสเพลย์แว่นโบราณหาดูยากให้ได้ชื่นชม และพื้นที่ส่วนในสุดที่เสมือนเป็น “หัวใจ” ของร้าน ที่แบ่งออกเป็น โชว์รูมแว่นตา และอีกสองห้องสำคัญสำหรับการวัดสายตา ขณะที่บาร์น้ำ อีกหนึ่งสีสันที่หาไม่ได้จากร้านแว่นตาร้านอื่น นี่คือรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่เจ้าของร้านใส่ใจและตั้งใจจะมอบให้ลูกค้าทุกคน
ดูแลดวงตาทุกคู่ด้วยความเข้าใจและเทคโนโลยีสูงสุด
กันต์ – ธนัฐณ์ วิทย์ภิรมย์ ผู้ก่อตั้งร้านแว่นตาโอคูระ (OCCURA) ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอดีตนักการเงิน ที่พบว่าตัวเองมีแพชชั่นเรื่องงานบริการ เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของชื่อร้านว่า “Ocular แปลว่า สายตา ส่วนคำว่า Cura นั้นเป็นภาษาละตินที่แปลว่า การดูแล แนวคิดหลักในการทำธุรกิจร้านแว่นของ OCCURA คือ เราต้องการเป็นผู้หาโซลูชันที่ดีที่สุดให้ผู้สวมใส่แว่นทุกคน หัวใจของ OCCURA จึงเป็นความพิถีพิถันและคุณภาพในการให้บริการและเทคโนโลยีที่ครบครันที่เรานำมาใช้ ลูกค้าทุกคนจะได้รับการดูแลและคำแนะนำอย่างเป็นส่วนตัวจากนักทัศนมาตรหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาและระบบการมองเห็นโดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่การซักถามประวัติในเบื้องต้น รวมไปถึงไลฟสไตล์ของลูกค้าเอง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ล้วนแต่สำคัญและส่งผลต่อการมองเห็นทั้งสิ้น”
เครื่อง Wave Analyzer Medica ถูกตั้งประจำที่อยู่ภายในห้องตรวจวัดสายตา ซึ่งในขั้นตอนนี้จะสามารถตรวจหาค่าสายตาได้อย่างแม่นยำและบอกถึงสุขภาพตาเบื้องต้นได้ เช่น ความเสี่ยงของอาการต้อหิน อาการแพ้แสง ความผิดปกติของกระจกตา เป็นต้น
“หลังจากลูกค้าใช้เวลาในห้องตรวจสายตาเบื้องต้นประมาณ 10 – 15 นาที ถัดมาจะเป็นขั้นตอนการตรวจวัดสายตาและสุขภาพตาอย่างละเอียดโดยเครื่อง Digital Phoropter ภายในห้องตรวจสายตาขนาด 6 เมตร ที่มีระบบควบคุมแสงสว่าง เราตั้งใจออกแบบให้ห้องตรวจวัดสายตานี้มีความยาวถึง 6 เมตร (20 ฟุต) เพราะเป็นระยะระหว่างหน้าจอและที่นั่งทดสอบตามมาตรฐานสากล เป็นระยะที่กล้ามเนื้อตาผ่อนคลายได้ดีที่สุด เมื่อทราบถึงค่าสายตาแล้ว ลูกค้าจะได้รับการแนะนำเลนส์ผ่าน Interactive iPad Catalog และจะได้ทดลองรับประสบการณ์การมองเห็นผ่าน ระบบ Lens Simulator บน iPad ที่ให้วิสัยทัศน์และมุมมองของภาพเสมือนจริงของเลนส์นั้นๆ ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อ ขั้นตอนสุดท้ายคือ ฟิตติ้ง หรือการวางตำแหน่งเลนส์ให้เข้ากับกรอบแว่น สรีระ และพฤติกรรมการใส่แว่น เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโจทย์ของลูกค้าได้รับการแก้ไขและสะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องขยับแว่นตลอดเวลาให้เสียบุคลิกภาพภายหลัง” กันต์ กล่าวเสริมถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีสำคัญที่นำมาใช้ในทุกขั้นตอนตลอดการให้บริการ
Hidden Gem กับประสบการณ์การตัดแว่นเฉพาะบุคคล
OCCURA ร้านแว่นที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 23 ในอาคารว่องวานิชคอมเพล็กซ์ บนถนนพระราม 9 ที่แม้ว่าจะเป็นแบรนด์น้องใหม่ และเปิดตัวหน้าร้านมาได้เพียง 3 ปี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า OCCURA จะเป็นน้องใหม่ในวงการแว่น เพราะความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำ ถูกสั่งสมและถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของเจ้าของร้าน
“ผมซึมซับและคลุกคลีกับธุรกิจแว่นตามาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวเคยทำธุรกิจขายส่งแว่นตา และเป็นผู้นำเข้าแบรนด์แว่นตาจากต่างประเทศมากว่า 30 ปี ทำให้เรารู้ถึงอินไซต์ความต้องการของลูกค้า และ pain point ของพวกเขา หลังจากเข้ามารับช่วงต่อ จึงมีความคิดที่จะต่อยอดธุรกิจด้วยการมีหน้าร้านเป็นของตนเอง เพราะอยากสร้างอีกช่องทางที่เราสามารถดูแลผู้ใส่แว่นทุกคนได้โดยตรง” กันต์ ทายาทรุ่นสองและเจ้าของร้านที่ปัจจุบันกำลังมุ่งมั่นเรียนวิชาทัศนมาตร เพื่อให้เข้าใจศาสตร์อีกแขนงที่มีส่วนสำคัญสำหรับการวัดสายตาและประกอบแว่น กล่าว
“ลูกค้าในปัจจุบันให้ความสำคัญกับ Customized Experience เพราะดวงตาของเขามีเพียงคู่เดียว การตัดแว่นสำหรับพวกเขาจึงเป็นเสมือนการลงทุน สิ่งที่ OCCURA ตั้งใจจะมอบให้ลูกค้า คือ ประสบการณ์การมองเห็นที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้หรือการหมั่นอัพเดทสินค้าอย่าง Bespoke Seemax lenses จาก Nikon Lenswear ที่เป็น custom-made lens เลนส์ตัวเลือกที่ให้ความแม่นยำและเฉพาะบุคคลสูงสุด โดยค่าสายตาทุกคู่จะถูกส่งไปคำนวนและผลิตด้วยเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ที่ประเทศญี่ปุ่น หรือเทคโนโลยีล่าสุด Light Purifier Technology ใน Nikon Pure Blue UV เพื่อการปกป้องดวงตาจาก UV ที่ให้การปกป้องสูงสุดที่ ESPF 35 (Eye Sun Protection Factor) และช่วยตัดแสงสีน้ำเงินได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ต่อไลฟสไตล์ของคนยุคใหม่ที่มักจะจดจ่ออยู่กับหน้าจอ” กันต์ เจ้าของร้านผู้ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาตนเอง สินค้าและบริการ กล่าวทิ้งท้าย