ตั้งเป้าขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้กับประเทศในกลุ่ม CLMV และผลักดันประเทศไทยเป็น InsurTech Startup Hub เชื่อมโยงเครือข่ายภาคธุรกิจ Startups และ Tech firms
โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชี คณะกรรมการ คปภ. คณะผู้บริหาร สำนักงาน คปภ. นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย ประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย ผู้บริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย ตลอดจนสื่อมวลชนร่วมงานและแสดงความยินดี ณ อาคารเลขที่ 8/8 วิภาวดี 44 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีมีความสำคัญต่อธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างมาก และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมีความจำเป็นที่ต้องเร่งนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้กับอุตสาหกรรมประกันภัย ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้มุ่งเน้นด้านการกำกับธุรกิจประกันภัย แต่ในขณะเดียวกัน หน้าที่ที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง คือ การส่งเสริมภาคธุรกิจประกันภัย และส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบประกันภัย
โดยที่ผ่านมา ศูนย์ Centre of InsurTech, Thailand (CIT) ได้ดำเนินงานตามภารกิจลุล่วงในหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เทคโนโลยีด้านการประกันภัย และเพื่อรองรับภารกิจของศูนย์ CIT ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
สำนักงาน คปภ. จึงได้พัฒนาอาคารสำนักงาน 6 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 860 ตารางเมตรเป็นที่ทำการใหม่ เพื่อให้เพียงพอในการให้บริการ และติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย รองรับการทำงานรูปแบบใหม่ พร้อมด้วย co-working space สำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และห้องประชุมพร้อมระบบ VDO Conference ที่ทันสมัย ในการระดมความคิดทั้ง online และ offline
สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น โดยมอบหมายให้ศูนย์ CIT ดำเนินภารกิจทั้งการสร้างองค์ความรู้ และสร้างผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย ให้กับอุตสาหกรรม รวมไปถึงเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา Digital Infrastructure ให้กับธุรกิจประกันภัยของไทย อาทิเช่น โครงการ OIC Gateway ที่เปรียบได้กับระบบเครือข่าย 5G ของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการนำพาบริษัทประกันภัยไทยให้มี Next Generation Digital Infrastructure ของตนเอง พร้อมรับมือความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ได้กำหนดทิศทางที่จะขยายบทบาทของ ศูนย์ CIT ให้เป็น One Stop Service ด้านการประกันภัย เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำให้แก่บริษัทประกันภัย และ Startup ในทุกมิติ (Capacity Center) รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการประกันภัย เพื่อมุ่งสู่การเป็น InsurTech Hub ของภูมิภาคอาเซียน โดยมีความตั้งใจให้ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัยแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจประกันภัยในระยะยาว
ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย (CIT) เป็นอาคาร 6 ชั้น ที่พร้อมรองรับการขยายบทบาทสู่การเป็น One-Stop Service ตอบโจทย์ในการให้คำปรึกษา เชื่อมโยงเครือข่ายและประสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีประกันภัยได้อย่างครอบคลุมและรอบด้าน โดยแบ่งพื้นที่ในการดำเนินภารกิจต่างๆ ดังนี้
ชั้นที่ 1 โถงต้อนรับและจุดแสดงนิทรรศการ ชั้นที่ 2 เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ระดมความคิด ชั้นที่ 3 เป็นห้องประชุมย่อย ชั้นที่ 4 สำหรับเป็นห้องประชุมสัมมนา ชั้นที่ 5 เป็นสำนักงาน CIT และชั้นที่ 6 เป็นพื้นที่อเนกประสงค์
“ผมเชื่อมั่นว่า การให้บริการอย่างเต็มรูปแบบของศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย จะเป็นก้าวสำคัญในการนำพาอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ซึ่งจะก่อให้เกิดการเพิ่มจำนวนและเติบโตของผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยในอนาคตอันใกล้ และในระยะต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าว
ศูนย์ CIT วางเป้าหมายที่จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้กับประเทศในกลุ่ม CLMV โดยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น InsurTech Startup Hub ที่เชื่อมโยงเครือข่ายภาคธุรกิจ Startups และ Tech firms ทั้งในและต่างประเทศต่อไป