ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด ในปีงบประมาณ 2563 ยังคงมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนี่อง โดยได้นำหลากหลายมาตรการมาปรับใช้เพื่อรองรับกับสถานการณ์ช่วง COVID-19 ที่สำคัญได้มีการพัฒนาโครงสร้างระบบภายใน ให้สามารถตอบสนองกับสภาวะในปัจจุบัน มีการนำมาตรการ 5 ส. และ KAIZEN มาใช้อย่างจริงจังทั้งองค์กร ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
นายมนไทย เลาหะวณิช กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่าผลประกอบการของบริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด ในปีงบประมาณ 2563 คาดว่าในภาพรวมจะมีการเติบโตจากปีงบประมาณ 2562 ที่ 15% และเติบโตจากประมาณการของบริษัทในปีงบประมาณ 2563 ประมาณ 7% โดยภาพรวมรายได้คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 4,200 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการประกอบการสูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 40% และมีสัดส่วนการตลาดทั้งหมดประมาณ 31%
โดยคาดการณ์ว่าปริมาณยอดขายสินค้าแบตเตอรี่รถยนต์ทั้งหมดของตลาดอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านลูก (ไม่รวมผลิตภัณฑ์จากแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์) ซึ่งผลประกอบการที่เติบโตในปี 2563 มีส่วนจากที่บริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดจากคู่แข่งมากขึ้น และยังมีการพัฒนาในพื้นที่ของผู้แทนจำหน่ายในต่างจังหวัดให้มีสัดส่วนของสินค้าและผลิตภัณฑ์ของยีเอสภายในร้านค้ามากขึ้นอีกด้วย
ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง เช่นการเปิดตัวให้บริการ GS Prompt 1380 ในการ Delivery แบตเตอรี่รถยนต์ทั่วประเทศผ่านเครือข่ายคุณภาพของผู้แทนจำหน่าย GS และการนำเอาระบบการรับประกันสินค้าออนไลน์เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและครอบคลุมถึงผลประโยชน์ของลูกค้าผู้ใช้รวมไปถึงผู้แทนจำหน่ายทุก ๆ ท่าน
สำหรับธุรกิจในปีงบประมาณ 2564 บริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด คาดว่าจะมีการเติบโตด้านยอดขายประมาณ 10% ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ น่าจะเป็นการครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้นจากกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ทั้งยังเพิ่มโอกาสจากการที่ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มของรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตันมากยิ่งขึ้นด้วย