ซิปเม็กซ์ -เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ แรพิดซ์ เปิดตัวนวัตกรรมรองรับสังคมไร้เงินสด “ทดลองรับแลกตั๋วหนังด้วยสกุลเงินดิจิทัล” รายแรกของไทย
พราว ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด กล่าวว่า ภายในปี 2564 นี้ บรรดาเหล่านักลงทุนและคอหนังสามารถทำการแลกตั๋วหนังในเครือโรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป โดย ZIPMEX เป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย ในการนี้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน เป็นสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่เปิดตัวระบบการแลกตั๋วหนังผ่านสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงโรงภาพยนตร์อื่นๆ อีก 39 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ที่จะใช้ระบบเดียวกันภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นการรองรับค่านิยมของสังคมไร้เงินสด เนื่องจากการใช้ ”สกุลเงินดิจิทัล” ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทั่วโลกโดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้บริการมากกว่า 65 ล้านคนในปี 2564 นี้
“ในนามของ “ZIPMEX” รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผ่าน RAPIDZ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการบ่งบอกถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของสินทรัพย์ดิจิทัลที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา ด้วยการนำมาใช้เป็นทางเลือกหนึ่งในการใช้สกุลเงินดิจิทัล เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ลงทุน และตอกย้ำความนิยมในตัวสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเติบโตขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน”
นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นโรงภาพยนตร์ที่ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาให้บริการลูกค้ามาตลอดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าวัยรุ่น คนทำงาน ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีความทันสมัยที่มาพร้อมความสะดวกสบายที่เข้าถึงได้ง่าย สอดรับกับการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ซึ่ง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีบริการต่างๆ ที่หลากหลายให้กับลูกค้าที่เข้ามาชมภาพยนตร์ใช้บริการ อาทิ การจองและซื้อตั๋วหนังผ่าน Application Major Cineplex, เว็บไซต์ www.majorcineplex.com, การซื้อตั๋วหนังและชำระเงินที่ตู้จำหน่ายตั๋วหนังอัตโนมัติ E-Ticket, การชำระค่าตั๋วหนังด้วยบัตร M Cash
ล่าสุด เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ไม่หยุดนิ่งที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาให้บริการ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าที่มีสกุลเงินดิจิทัลสามารถนำมาแลกรับตั๋วหนัง โดยได้ร่วมกับทาง ซิปเม็กซ์ (ZIPMEX) แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนําของประเทศไทย และ แรพิดซ์ (RAPIDZ) ผู้ให้บริการระบบบริหารการรับแลกสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มโครงการ “ทดลองรับแลกตั๋วหนังด้วยสกุลเงินดิจิทัล” รายแรกของไทย ซึ่ง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นโรงภาพยนตร์รายแรกในอุตสาหกรรมบันเทิงที่ทดลองรับสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี (Crytocurrency) แลกรับตั๋วหนัง โดยจะเริ่มให้บริการที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน เป็นสาขาแรก ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป โดยมี ขั้นตอนการใช้สกุลเงินดิจิทัลแลกรับตั๋วหนังได้ ดังนี้
- ดาวน์โหลด Application Rapidz ซึ่งเป็นแอพลิเคชั่นที่สามารถนำสกุลเงินดิจิทัลมาเก็บไว้เพื่อนำไปใช้บริการต่างๆ ผ่านทางระบบของ Rapidz ได้
- ลูกค้าแลกรับตั๋วหนังได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วหนังอัตโนมัติ E-Ticket โดยกดเลือกภาพยนตร์และตำแหน่งที่นั่งที่ต้องการ แล้วเลือกใช้ E-Wallet และเลือก Rapidz
- หลังจากเลือกใช้ด้วย Rapidz แล้ว จะมี QR Code ขึ้นบนหน้าจอ เพื่อให้ลูกค้าสแกนเพื่อใช้สกุลเงินดิจิทัลแลกตั๋วหนัง
- หลังจากที่กดยืนยันเรียบร้อยแล้ว ตู้จะพิมพ์ E-Ticket ออกมา และลูกค้าสามารถนำไปใช้เข้าชมภาพยนตร์ได้ทันที
ด้าน วิศรา โชคดีทวีอนันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แรพิดซ์ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า RAPIDZ ผู้ให้บริการระบบบริหารการรับแลกสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สร้างระบบนิเวศทางสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายแก่ผู้ใช้ “เรายินดีที่จะประกาศความร่วมมือกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ ZIPMEX ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. เพื่อร่วมกันสร้างและพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้เกิดการยอมรับ และใช้งานในวงกว้าง
เราเชื่อว่าการรับแลกสินค้าและบริการด้วย “สินทรัพย์ดิจิทัล” เป็นหนึ่งในกรณีการใช้งานที่กว้างขวางและชัดเจนที่สุด อีกทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมให้ทั้งหน่วยธุรกิจและผู้สนใจสามารถนำการใช้เงินสกุลดิจิทัลไปต่อยอดกับกิจกรรมทางธุรกิจที่ทำอยู่ให้เติบโตไปพร้อมกับกระแสของสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังร้อนแรงและเป็นที่สนใจของทุกประเทศทั่วโลกในขณะนี้อีกด้วย”