“แสนสิริ” ผนึก “ธ.ไทยพาณิชย์” เดินหน้าช่วยเหลือ SMEs ไทย ผ่านโครงการ “SANSIRI x SCB: BUILD FOR ALL สร้างไปด้วยกัน”

‘แสนสิริ’ และ ‘ธนาคารไทยพาณิชย์’ ร่วมหาทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจฝ่าวิกฤติผ่านโครงการใหญ่ “SANSIRI x SCB : BUILD FOR ALL สร้างไปด้วยกัน” เพิ่มทางรอดวิกฤติ COVID-19 ให้ SMEs ก่อนกระทบเศรษฐกิจโดยรวมจนเป็น “สึนามิเศรษฐกิจ”

เผย 5 มาตรการ “สร้าง” การช่วยเหลือ SMEs ไทย ในทุกมิติ สร้างรายได้เร่งด่วน – สร้างช่องทางโปรโมท – ผลักดันสู่แพลตฟอร์ม – สร้างความแข็งแกร่งด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีจาก SCB – สร้างสภาพคล่องผ่านการสนับสนุนสินเชื่อ รวมวงเงินสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจ 1,000 ล้านบาท แก่ SMEs ไทยที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษแก่กลุ่มลูกบ้านแสนสิริที่ประกอบธุรกิจและคู่ค้ากลุ่มผู้ประกอบการ ในอัตราดอกเบี้ย 99%* ใน 3 เดือนแรก

ระบุธุรกิจ SMEs มีมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 7 ล้านล้านบาท คิดเป็นกว่า 40% ของ GDP ของประเทศและเป็นฟันเฟืองสำคัญการจ้างงานกว่า 80% ของการจ้างงานภาคเอกชนทั้งหมด แต่วิกฤติโควิดทำให้รายได้หดและหนี้เสียพุ่ง ต้องมีคนที่แข็งแรงยื่นมือมาช่วย SMEs อย่าง’เร่งด่วน เพื่อความมั่นคงของประเทศ

เชื่อมั่นความแข็งแกร่งของแสนสิริและธนาคารไทยพาณิชย์จะช่วยสร้างรายได้ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มสภาพคล่องแก่ SMEs ให้ก้าวผ่านวิกฤติได้ วางเป้าปี 2564 ช่วย SMEs ไทย 1,500 ราย นำร่อง 6 กลุ่มธุรกิจ ด้วยวงเงินซื้อสินค้า 6,000 ล้านบาท และการให้สินเชื่อสนับสนุนธุรกิจพิเศษรวม 1,000 ล้านบาท ต่อยอดปี 2563 ที่แสนสิริช่วยมาแล้วกว่า 900 รายและซื้อสินค้าไปแล้ว 4,000 ล้านบาท

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงมีความเปราะบางเพราะทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ต่อเนื่องมากว่า 1 ปี ภาคการส่งออก การท่องเที่ยวหยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อทั่วโลก ซึ่งภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบแรกก็คือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เนื่องจากการมีข้อจำกัดด้านเงินทุน การเข้าถึงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และโอกาสในการแข่งขัน แม้ว่าเอสเอ็มอีหลายแห่งจะปรับตัวหันไปเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซและลดต้นทุนด้านพนักงานลง แต่ก็ยังมีเอสเอ็มอีอีกหลายแห่งที่ต้องทยอยปิดตัวลงไปอย่างต่อเนื่อง และหากสถานการณ์ไม่คลี่คลายในเร็วๆนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากเอสเอ็มอีเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ โดยข้อมูลจากธนาคารโลกประจำประเทศไทยพบว่าในปี 2563 เอสเอ็มอีของประเทศไทยมีสัดส่วนกว่า 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และมีอัตราการจ้างงานคิดเป็น 80% ของการจ้างงานภาคเอกชน จึงถือเป็นอีกเส้นเลือดใหญ่ที่ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงการจ้างงานจำนวนมาก เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นจึงต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

จากการตระหนักถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของเอสเอ็มอีล่าสุด แสนสิริ จึงได้ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ในการผนึกกำลังช่วยเหลือเอสเอ็มอีภายใต้โครงการSANSIRI x SCB: BUILD FOR ALL สร้างไปด้วยกัน” เพื่อเป็นต้นแบบสร้างการรับรู้เพื่อกระตุ้นให้องค์กรขนาดใหญ่เข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอี ให้สามารถฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน จากการร่วมมือกันในครั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายการเข้าช่วยเหลือเอสเอ็มอีในปี 2564 จำนวน 1,500 ราย หรือคิดเป็นวงเงินการช่วยเหลือรวม 7,000 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินอุดหนุนสินค้าจากเอสเอ็มอีจากแสนสิริ 6,000 ล้านบาท และเงินสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจจากธนาคารไทยพาณิชย์ 1,000 ล้านบาท โดยกลุ่มเอสเอ็มอีเป้าหมายที่จะเข้าไปช่วยเหลือในโครงการนำร่องมี 6 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน กลุ่มงานบริการด้านที่อยู่อาศัย และกลุ่มธุรกิจอาหาร

โดยโครงการ SANSIRI x SCB: BUILD FOR ALL สร้างไปด้วยกัน” เปิดกว้างโอกาสสำหรับ SMEs รายเล็กทุกราย เพื่อขับเคลื่อนช่วยเหลือ SMEs ไทยในทุกมิติ ประกอบด้วย SMEs รายเล็กทั่วไป ลูกบ้านแสนสิริที่ประกอบธุรกิจ และคู่ค้ากลุ่มผู้ประกอบการของแสนสิริ ภายใต้ 5 กลยุทธ์ ดังนี้ 1. สร้างรายได้ให้เพิ่ม (Buy) ด้วยการเข้าซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีที่มีขนาดเล็ก 2. สร้างช่องทางการเข้าถึงลูกค้า (Reach) เช่น การเพิ่มช่องทางการโปรโมทธุรกิจ สินค้า และบริการของเอสเอ็มอีด้วยช่องทางสื่อออนไลน์ของแสนสิริและธนาคารไทยพาณิชย์ รวมถึงโปรโมทผ่านแสนสิริแฟมิลี่ที่มีอยู่ในการดูแลกว่า 100,000 ครอบครัว

3. สร้างตลาดใหม่บนโลกออนไลน์ (Transformation) ด้วยการขยายตลาดของเอสเอ็มอีไทยสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น NocNoc.com ตลาดออนไลน์วัสดุก่อสร้างและของแต่งบ้านครบวงจร, Robinhood แอปพลิเคชั่น Food Delivery เพื่อผู้ประกอบการรายเล็กและ WeChef แพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวม Food Truck ของไทย 4. สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ (Enhance) โดยธนาคารไทยพาณิชย์จะนำ Tech Efficiency Program เข้ามาช่วยด้านการลดต้นทุนให้กับเอสเอ็มอีอย่างมีประสิทธิภาพ และ 5. สร้างสภาพคล่อง (Financial Flexibilities) โดยธนาคารไทยพาณิชย์จะให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อธุรกิจที่ให้กับเอสเอ็มอีด้วยวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท

“กลยุทธ์ทั้ง 5 ข้อนี้ ทางแสนสิริได้ดำเนินการช่วยเหลือตามข้อ 1-3 ไปแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากคู่ค้ารายย่อยของแสนสิริที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ ส่งผลให้ตลอดปี 2563 แสนสิริได้ให้การช่วยเหลือเอสเอ็มอีไปแล้วกว่า 900 ราย รวมเป็นวงเงินในการช่วยเหลือกว่า 4,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้มั่นใจว่าโครงการให้การช่วยเหลือเอสเอ็มอีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยั่งยืนขึ้น เพราะมีธนาคารไทยพาณิชย์เข้ามาร่วมผนึกกำลังและสานต่อการช่วยเหลือในข้อ 4 และข้อ 5 ในด้านการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินที่เหมาะสม เช่น การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ด้วยเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ผ่อนปรนและยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้เอสเอ็มอีรอดพ้นจากวิกฤติได้เร็วขึ้น” นายอภิชาติ กล่าว

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงพร้อมที่จะสนับสนุนและยืนหยัดอยู่เคียงข้างเอสเอ็มอีในทุกวิกฤติ ตลอดเวลาหนึ่งปีของสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ทั้งการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบต่างๆ การช่วยหาช่องทางการขายเพื่อสร้างรายได้ใหม่ รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับตัวเพื่อรับมือภาวะผันผวนของเศรษฐกิจ ซึ่งในช่วงแรกได้ให้ความช่วยเหลือรวมแล้วกว่า 402,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามความช่วยเหลือจากธนาคารอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีทั้งระบบก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้ จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของประเทศ เพื่อร่วมกันช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในวงกว้างขึ้น

ดังนั้น การร่วมมือกับแสนสิริในโครงการ SANSIRI x SCB: BUILD FOR ALL สร้างไปด้วยกัน” จึงเป็นการสานต่อปณิธานของธนาคารในการเข้าช่วยเหลือธุรกิจทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการผนึกศักยภาพที่แตกต่างกันของทั้งสององค์กรเพื่อส่งต่อความช่วยเหลือและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย นับเป็นโครงการต้นแบบบนแนวคิดเศรษฐกิจเกื้อกูลพึ่งพากันแบบเพื่อนช่วยเพื่อน พี่ช่วยน้อง ให้ร่วมมือกันฝ่าวิกฤติได้อย่างน่าชื่นชม ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจที่แน่นแฟ้น ธนาคารยินดีที่จะให้ความร่วมมือใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1) สนับสนุนวงเงินสินเชื่อธุรกิจรวม 1,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจแก่ SMEs ไทยที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 1.99%* เป็นระยะเวลา 3 เดือนแรก ให้กับกลุ่มลูกบ้านแสนสิริที่ประกอบธุรกิจ รวมถึงคู่ค้ากลุ่มผู้ประกอบการในเครือข่ายแสนสิริที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้อย่างราบรื่น 2) มอบองค์ความรู้เพื่อเสริมศักยภาพทางด้านดิจิทัลและลดต้นทุนแก่กลุ่มผู้ประกอบการซัพพลายเชนของแสนสิริ ผ่านการจัดอบรมสัมมนา และ Business Matching เพื่อเปิดโอกาสพบคู่ค้ารายใหม่ของธนาคาร และ 3) สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารให้เข้าสู่แอปพลิเคชันโรบินฮู้ด (Robinhood) แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์ม (จีพี) ช่วยเพิ่มช่องทางขายการนอกเหนือจากหน้าร้าน ทั้งนี้ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นลูกบ้านของแสนสิริอีกกว่า 1,000 ครอบครัว

“ธนาคารไทยพาณิชย์อยากให้โครงการร่วมมือในครั้งนี้เป็นโครงการต้นแบบให้องค์กรขนาดใหญ่จับมือกันในการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กให้ประคองธุรกิจผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันเพื่อความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยในอนาคต และธนาคารจะเดินหน้าเฟ้นหารูปแบบความช่วยเหลือเพิ่มเติม และขยายเครือข่ายเศรษฐกิจเกื้อกูลไปสู่องค์กรธุรกิจชั้นนำอื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสท่ามกลางวิกฤตให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และช่วยให้ประเทศไทยผ่านบททดสอบครั้งสำคัญนี้ไปได้อย่างมั่นคง”

สำหรับเอสเอ็มอีหรือผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยทั่วไป ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ  “SANSIRI x SCB: BUILD FOR ALL สร้างไปด้วยกัน” ทั้งผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยทั่วไป ลูกบ้านแสนสิริ และคู่ค้ากลุ่มผู้ประกอบการของแสนสิริ สามารถสมัครและติดตามรายละเอียดการสมัคร ได้ทางเว็บไซต์ www.sansiri.com/thai/แสนสิริเพื่อเอสเอ็มอี ตั้งแต่ 11 มีนาคม- 30 เมษายน 2564

ติดตาม VDO เรื่องราวการช่วยเหลือ SMEs ที่ผ่านมาของแสนสิริได้ที่ https://youtu.be/oLhpN_Y4dzE

*หมายเหตุ: ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 1.99%* ใน 3 เดือนแรก สำหรับกลุ่มลูกบ้านแสนสิริที่ประกอบธุรกิจและคู่ค้ากลุ่มผู้ประกอบการ ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาตามหลักการของธนาคารไทยพาณิชย์