กลุ่มบริษัทเอไอเอ สุดแกร่ง กำไรปี 63 เติบโต 5%

กลุ่มบริษัทเอไอเอ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งประจำปี 2563 กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี เติบโตขึ้นร้อยละ 5 ยอดขายกลับมามีความเคลื่อนไหวหลังผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 มูลค่าธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ใน 2 เดือนแรกของปี 2564 การดำรงเงินกองทุนที่เข้มแข็ง ส่งผลให้เงินปันผลประจำปีเพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 7.5

ฮ่องกง, 12 มีนาคม 2564 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) มีความยินดีจะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยอัตราการเติบโตคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ทั้งนี้ เอไอเอ มีกรมธรรม์ที่มีผลบังคับขนาดใหญ่และกำลังเติบโตด้วยแหล่งรายได้ที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพสูง ซึ่งสนับสนุนให้กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และเงินปันผลประจำปีสูงขึ้นร้อยละ 7.5 หรือคิดเป็นมูลค่า 100.30 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น

สำหรับตลอดทั้งปี 2563 มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คิดเป็น 2,765 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 33 ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายของการดำเนินธุรกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี ยอดขายกลับมามีความเคลื่อนไหวหลังจากมาตรการโควิด-19 มีการผ่อนคลาย ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่งสูงขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบแบบปีต่อปีใน 2 เดือนแรกของปี 2564 ทำให้ผลประกอบการทางการเงินของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ยังคงมีความแข็งแกร่งและฟื้นตัวกลับเข้าสู่สภาพเดิม ดังจะเห็นได้จาก Local Capital Summation Method (LCSM) ของกลุ่มบริษัท ซึ่งมีอัตราส่วนถึงร้อยละ 374(1)

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทเอไอเอรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งอีกครั้ง แม้ว่าจะมีเงื่อนไขทางเศรษฐศาสตร์มหภาคที่ไม่คาดคิดมาก่อน รวมถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี ขณะที่มูลค่าธุรกิจใหม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่เรายังมีการเติบโตในตัวชี้วัดด้านการเงินสำคัญอื่นๆ นอกจากนี้ ยอดขายได้กลับมามีความเคลื่อนไหวหลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการ และเรามีมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบแบบปีต่อปีในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 ทำให้สถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทเอไอเอยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งเรายังได้เพิ่มเงินปันผลประจำปี

“สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเราคือความปลอดภัยของพนักงานและการสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา ผมอยากจะขอขอบคุณพนักงานของเราในความมุ่งมั่นที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในการให้บริการอย่างราบรื่นแก่ลูกค้า ตัวแทน และพันธมิตรของเรา เรามุ่งมั่นพิจารณาในการจ่ายผลประโยชน์ค่าสินไหมทดแทนอย่างสม่ำเสมอ และในระหว่างปี เราได้มีการจ่ายผลประโยชน์ต่างๆและเงินเอาประกันภัยไปมากกว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อส่งมอบการสนับสนุนทางการเงินให้แก่ลูกค้าของเรา นอกจากนี้เราได้เพิ่มความคุ้มครองให้แก่ลูกค้า รวมถึงขยายความคุ้มครองไปสู่สังคมที่เราดำเนินงานอยู่ในวงกว้างขึ้น ซึ่งถือเป็นการช่วยส่งมอบความสบายใจทางด้านการเงินในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทางและการพบเจอแบบตัวต่อตัว เราจึงได้เร่งการพัฒนาและปรับใช้ช่องทางออนไลน์และความสามารถในการทำงานนอกสถานที่ในทุกตลาดของเรา เราได้แนะนำการขายแบบออนไลน์ และปรับขั้นตอนการรับสมัคร การเข้างาน และการฝึกอบรมเป็นแบบออนไลน์ทั้งหมดสำหรับตัวแทน และได้เปิดตัวบริการ รวมถึงขั้นตอนการเคลมที่คล่องตัวและง่ายดายขึ้นสำหรับลูกค้า ซึ่งความสามารถใหม่นี้ส่งผลให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเช่นนี้

“แม้ว่าในปี 2563 จะเป็นปีที่พิเศษและท้าทาย แต่กลับทำให้ผมมองเห็นแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของเอไอเอ ปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวเอเชียมีความตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการคุ้มครองดูแลสุขภาพของคนในครอบครัวอย่างมาก ซึ่งทำให้เป้าหมายและคุณค่าของบริษัทของเรามีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และในปี 2563 เราได้พัฒนาและนำกลยุทธ์ใหม่มาปรับใช้ ซึ่งจะปรับเปลี่ยนเอไอเอ รวมถึงจุดยืนของเราในการกระตุ้นการเติบโตทางโครงสร้างของธุรกิจประกันชีวิตทั่วทั้งเอเชีย ผมมีความมั่นใจว่าเอไอเอได้อยู่ในธุรกิจที่ถูกต้อง ในภูมิภาคที่เหมาะสม และในช่วงเวลาที่ถูก และเราจะยังคงเดินหน้าสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น (Healthier, Longer, Better, Lives)