คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการเคหะแห่งชาติ จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “เศรษฐกิจฐานรากพลังการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดยมี นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ และ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ทำอย่างไรเศรษฐกิจฐานรากไทยจะไปโลด” ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ มีหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ เข้าร่วมสัมมนาและออกบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ระหว่างวันที่ 25 – 26 มีนาคม 2564 ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารสันทนาการ (อาคาร 5) สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ
นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เนื่องจากยุทธศาสตร์ชาติได้กำหนดแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 16 เรื่องเศรษฐกิจฐานราก โดยกำหนดให้ต้องมีการยกระดับศักยภาพการเป็นผู้ประกอบธุรกิจและสร้างสภาพแวดล้อมและกลไกที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ประกอบกับยุทธศาสตร์จัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2563 ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งขณะนี้ เศรษฐกิจฐานรากยังไม่เติบโตเท่าที่ควร เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคในการพัฒนา ถึงแม้ว่าจะมีหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานที่มีภารกิจขับเคลื่อนงานเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก แต่การเจริญเติบโตยังไม่บรรลุผล
ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นต้องศึกษาปัจจัยสำคัญและกลไกเครื่องมือที่จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากประสบความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา โดยคณะอนุกรรมาธิการการลงทุนและเศรษฐกิจฐานราก ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “เศรษฐกิจฐานรากพลังการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม อีกทั้งเพื่อรับทราบถึงทิศทางและแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากผลักดันสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำข้อสรุปเกี่ยวกับปัจจัยสู่ความสำเร็จของเศรษฐกิจฐานรากสำหรับการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเสนอต่อรัฐบาลต่อไป
การสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ “เศรษฐกิจฐานรากพลังการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ประกอบด้วย 4 กลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ได้แก่ กลุ่มเกษตรแปรรูป กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มหัตถกรรม โดยมีหน่วยงานที่อยู่ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมสัมมนาและออกบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ได้แก่ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมกิจการเด็กและเยาวชน การเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวชุมชน ซึ่งได้มีการพัฒนาชุมชนทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ และด้านการบริหารจัดการชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ การเคหะแห่งชาติได้จัดอบรมให้ความรู้ด้านอาชีพต่าง ๆ แก่ชาวชุมชน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันการเคหะแห่งชาติได้ดำเนินโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย
“บ้านเคหะสุขประชา” ภายใต้แนวคิด “บ้านพร้อมอาชีพ” โดยสร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งภายในโครงการได้จัดให้มีพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” ตามความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการของแต่ละพื้นที่มี 6 รูปแบบ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพบริการชุมชนและชุมชนข้างเคียง ตลาด อุตสาหกรรมขนาดเล็ก และศูนย์การค้าปลีก – ส่ง โดยมุ่งส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยประกอบอาชีพอิสระในชุมชน รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้น ๆ เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย นับเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนชนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ สู่ปลายน้ำ ในลักษณะบูรณาการทุกภาคส่วนเป็นห่วงโซ่ (Value Chain) แบบครบวงจร
สำหรับชุมชนของการเคหะแห่งชาติที่มาร่วมระดมสมองให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มี 10 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนลาดพร้าว 80 เคหะชุมชนคลอง 8 เคหะชุมชนร่มเกล้า โซน 1 บ้านเอื้ออาทรร่มเกล้า บ้านเอื้ออาทรลาดกระบัง 1 บ้านเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 บ้านเอื้ออาทรปทุมธานี (พหลโยธิน กม.44) บ้านเอื้ออาทรรังสิต คลอง 10/2 บ้านเอื้ออาทรเพชรเกษม 81 และบ้านเอื้ออาทรนนทบุรี (วัดกู้)