สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ในประเทศไทย ที่ยังคงระบาดต่อเนื่องเป็นระลอก 3 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของผู้คนอย่างมาก ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ “บุคลากรทางการแพทย์” ที่เป็นด่านหน้า ต้องทุ่มเททำงานหนัก ขณะที่ทุกภาคส่วนต่างเร่งระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ความสามารถเพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้
ต่อยอดนวัตกรรมที่มี ใช้เวลาเป็นเดิมพัน ทันเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
เอสซีจีเป็นหนึ่งในองค์กรที่นำความเชี่ยวชาญ พัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีที่มีอยู่เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่เกิดการระบาดระลอกแรก ที่พัฒนานวัตกรรมที่อาศัยความ “เร็ว” แข่งกับ “เวลา” ทีมงานเอสซีจียังได้ร่วมมือทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมแพทย์ เพื่อเข้าใจความต้องการตอบโจทย์การใช้งานได้จริง เน้นการคิดค้น ออกแบบ พัฒนา ผลิตภัณฑ์ โซลูชัน ใช้เทคโนโลยีมีประสิทธิภาพให้ทันต่อความต้องการตามสถานการณ์ในแต่ละช่วงของการระบาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยสามารถคิดค้นนวัตกรรมเพื่อช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อเพิ่มความอุ่นใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถรับมือวิกฤตโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงยังบรรเทาผลกระทบของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ตลอดจนมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างดีที่สุด
8 นวัตกรรม รับมือโควิดระบาดระลอก 3 พร้อมส่งมอบทั่วประเทศ
- นวัตกรรมไอซียูโมดูลาร์ (Modular ICU) สำหรับผู้ป่วยวิกฤตโควิด โดยต่อยอดร่วมกับคณะแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี ก่อสร้างได้รวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์ ตามมาตรฐานห้อง ICU มีฟังก์ชันการใช้งานเพื่อพยุงชีพผู้ป่วยขั้นวิกฤต แยกระบบอากาศของทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกันโดยเด็ดขาด เพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ แยกผู้ป่วยวิกฤตโควิด ออกจากผู้ป่วยปกติ
- นวัตกรรมเตียงสนามกระดาษเอสซีจีพี (SCGP Paper Field Hospital Bed) เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเตียงผู้ป่วย โดยผลิตจากกระดาษรีไซเคิล 100% ออกแบบตามหลักการยศาสตร์ เพื่อรองรับการใช้งานของสรีระของคนเอเชีย น้ำหนักเบา ประหยัดพื้นที่ขนส่งและการจัดเก็บ ประกอบง่ายใน 8 นาที โดยไม่ต้องใช้กาว ใช้ได้นาน 3 เดือน หากไม่โดนน้ำ และรับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัมในแนวราบนอกจากนี้ ยังร่วมมือกับ 62 องค์กรเปิดโครงการ “รวมใจสู้โควิด” เพื่อเปิดจุดรับกล่องกระดาษที่เหลือใช้นำกลับมารีไซเคิลเป็นเตียงสนามกระดาษ หมุนเวียนนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่อย่างมีคุณค่า โดยส่งมอบให้โรงพยาบาลสนาม 27,600 เตียง 340 แห่ง
- นวัตกรรมห้องน้ำสำเร็จรูป (Modular Bathroom) เน้นการผลิตแบบเบ็ดเสร็จพร้อมใช้งานด้วยโครงสร้างคอนกรีต ที่สามารถผลิต ขนส่งง่าย และติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว และยังออกแบบให้มีความทนทาน ปลอดภัย ทำความสะอาดดูแลฆ่าเชื้อได้ง่าย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อ อีกทั้งยังมีการแยกการใช้งานออกเป็นห้องเดี่ยว ทำให้แยกการใช้งาน และทำความสะอาดได้อย่างอิสระแยกออกจากกัน
- ห้องตรวจเชื้อความดันบวก (Positive Pressure SWAB Cabinet) เพื่อใช้ทำการคัดกรองและตรวจวินิจฉัยโรคประจำจุด ห้องตรวจได้มาตรฐานปลอดเชื้อ เคลื่อนย้ายโครงสร้างและติดตั้งได้ง่าย
- นวัตกรรมห้องแยกป้องกันเชื้อความดันลบแบบเคลื่อนที่ (Negative Pressure Isolation Room) สำหรับปฏิบัติการในห้องฉุกเฉิน ห้องไอซียู หรือเป็นห้องพักผู้ป่วย
- นวัตกรรมแคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ (Patient Isolation Capsule) ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
- นวัตกรรมแคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ สำหรับเข้าเครื่อง CT scan (Small Patient Isolation Capsule for CT Scan)
- นวัตกรรมอุปกรณ์ครอบศีรษะคนไข้เพื่อลดการฟุ้งกระจายของเชื้อ สำหรับงานทันตกรรม (Dent Guard)
นอกจากนี้ เอสซีจี ยังร่วมกับกรมการแพทย์ จัดเตรียม ศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน ในพื้นที่เอสซีจีบางซื่อพร้อมพนักงานจิตอาสา บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชน วันละ 2,000 คน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเดือนมิถุนายนนี้
“สิ่งที่เอสซีจีมีคือ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ที่สำคัญความพร้อมของเรา คือ ทำได้เร็ว การได้ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญนอกเหนือจากที่เอสซีจีมี ทำให้เกิด Open Innovation ที่ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่รวดเร็วขึ้น และตอบโจทย์สังคมได้มากยิ่งขึ้น การที่ทีมงานได้เรียนรู้จากสถานการณ์โควิดระลอกแรก ประกอบกับประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ รวมถึงเข้าใจความต้องการและปัญหาที่ลูกค้าต้องการแก้ไขได้อย่างชัดเจน จึงทำให้สามารถคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมได้ต่อเนื่องทันตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และยังสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมขององค์กรในอนาคตอีกด้วย”
อย่างไรก็ดี สถานการณ์โควิดยังไม่คลี่คลาย ขอเชิญชวนคนไทยร่วมใจกันลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 แอปพลิเคชัน หรือ Line@ “หมอพร้อม” หรือลงทะเบียนจองสิทธิ์ได้ที่โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษาอยู่ ทั้งของรัฐและเอกชน หรือ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล (อสม.) รวมถึงศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน เพื่อช่วยกันลดการแพร่ระบาด โอกาสในการติดเชื้อ และความรุนแรงของอาการ รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลอย่างเคร่งครัด เช่น ช่วยกัน Work from Home ให้มากที่สุด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาด และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ฯลฯ ก็จะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้