เปิดผลประกอบการกลุ่มบริษัทเอไอเอ ไตรมาสแรกปี 64 เติบโตแข็งแกร่ง มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 19%  

กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการ โดยมีปัจจัยสำคัญอยู่ที่มูลค่าธุรกิจใหม่ ประจำไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 มีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เป็น 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 1,703 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 4.5 จุด เป็นร้อยละ 61.6 ส่วนเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 9,663 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า เอไอเอมีธุรกิจใหม่ที่เติบโตมากขึ้นในทุกตลาดเมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีสถานการณ์ของโรคระบาด ยกเว้นฮ่องกงซึ่งยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทางที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ นอกฮ่องกง ซึ่งมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของทุกตลาดในไตรมาสแรกของปี 2564 สูงกว่าไตรมาสแรกของปี 2562 โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 เรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ของทั้งกลุ่มบริษัทสูงถึงร้อยละ 19 รวมไปถึงการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในจีนแผ่นดินใหญ่ ไทย และมาเลเซีย และการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าในฮ่องกง

จากมาตรการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ในปี 2563 ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 ได้เป็นแรงผลักให้มูลค่าธุรกิจใหม่ของเราทั้งกลุ่มบริษัทได้รับแรงสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมจาก Premier Agency ของเรา และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต

เรากำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างยอดเยี่ยมตามกลยุทธ์ของเรา พร้อมขยายความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการใช้ทุกโอกาสที่มีกับเอไอเอทั่วทั้งเอเชีย ทั้งนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เรามีโอกาสได้เปิดตัวสาขาใหม่ที่มณฑลเสฉวนในจีนแผ่นดินใหญ่

ขอให้ลูกค้าหลายล้านคนของเรามั่นใจได้ว่า สถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทเอไอเอยังคงความแข็งแกร่งอย่างมากแม้ในสถานการณ์ที่มีความผันผวนซึ่งเกิดขึ้นล่าสุด สถานการณ์ของโรคระบาดทำให้ผู้คนตระหนักถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเพิ่มขึ้น เราได้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่ในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 จากการที่เราช่วยให้ผู้คนจำนวนมากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น

สรุปผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอมากที่สุด และมีการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2563 กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) หลังหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 5 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 มีความสอดคล้องกับปีที่ผ่านมา และเราได้เปิดตัวสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวนเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีนในเดือนมีนาคม

เอไอเอ ฮ่องกง มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ ขณะที่ข้อจำกัด
ด้านการเดินทางส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในสาขามาเก๊ายอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกของในไตรมาสแรก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการกลับมาของแผนการเยือนรายบุคคล (Individual Visit Scheme)

ในเดือนมีนาคม เราได้ประกาศพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เป็นระยะเวลา 15 ปี กับ The Bank of East Asia, Limited (BEA) ครอบคลุมฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ สำหรับฮ่องกง ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยขยายขีดความสามารถในการจัดจำหน่ายของเราด้วยสิทธิพิเศษในการเข้าถึงลูกค้าในประเทศกว่า 1.2 ล้านรายของ BEA นอกจากนี้ เอไอเอยังได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฐานลูกค้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมั่งคั่งของ BEA ซึ่งถือเป็นธนาคารต่างประเทศสามอันดับแรกในจีนแผ่นดินใหญ่

เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่อย่างดีเยี่ยม โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งช่องทางตัวแทนและพันธมิตรธุรกิจ โดยถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าธุรกิจใหม่ใหญ่เป็นอันดับสองของกลุ่มบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2564 อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่การมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่คุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพ รวมถึงประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้มาจากการบริหารงานโดย นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย ที่มีเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจนจนสามารถสร้างความสำเร็จด้วยผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างยอดเยี่ยมในไตรมาสแรก สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกภาคส่วนในเอไอเอ ประเทศไทย และตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย

ในสิงคโปร์ เรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในเชิงบวก โดยมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ในขณะที่ยอดขายจากช่องทางของพันธมิตรลดลง เนื่องจากยอดขายธุรกิจใหม่ในต่างประเทศยังคงถูกจำกัดจากมาตรการควบคุมชายแดนอย่างต่อเนื่อง

เอไอเอ มาเลเซีย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งหลังของปี 2563 และมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดในกลุ่มบริษัท โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งหน่วยงานของเรา และความร่วมมือด้านการประกันกับ Public Bank Berhad

มูลค่าธุรกิจใหม่ในตลาดอื่นๆ ลดลง สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากมาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่อย่างต่อเนื่องในฟิลิปปินส์และผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ในออสเตรเลียในไตรมาสแรกของปี 2563 ตามที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ โดยหากไม่รวมตลาดทั้งสองแห่งนี้ มูลค่าธุรกิจใหม่จากตลาดอื่นๆ ถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563

ในภาพรวม อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 61.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56.6 ในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นชดเชยกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายของเอไอเอ ประเทศจีน อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แถลงนี้เป็นยอดสุทธิของค่าใช้จ่ายส่วนเกิน และสมมติฐานในผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2563 กำไรที่รายงานบนมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยในธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 10

ทั้งนี้เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 1,703 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 และเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 9,663 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของพอร์ตการลงทุนที่กำลังเติบโตและคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ภาพรวม

การคาดการณ์ระยะยาวของธุรกิจเอไอเอทำให้เรามีข้อได้เปรียบอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตทางโครงสร้างที่แข็งแกร่งของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ การมีรายได้เพิ่ม การเข้าถึงของบริษัทประกันของเอกชนที่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ และสวัสดิการภาครัฐในด้านความคุ้มครองที่จำกัด

ทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอเป็นที่ต้องการไปทั่วทุกตลาดที่เราดำเนินการอยู่

การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกขยับตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 เป็นผลมาจากการสนับสนุนทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาด ในขณะที่ภาพรวมยังคงขึ้นอยู่กับรัฐบาลและนโยบายของธนาคารกลาง ประสิทธิภาพของมาตรการกักตัว และความรวดเร็วในการฉีดวัคซีนป้องกัน ทั้งนี้ เรายังคงมองในแง่ดีว่าเศรษฐกิจจะกลับมาโดยเริ่มจากภาคการผลิต ไปถึงภาคการบริโภคและการบริการ เรามีความมั่นใจในกลยุทธ์หลักของเรา ที่จะนำมาสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราต่อไป

ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน

เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเรามีมูลค่าใกล้เคียงกัน ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ในรายงานงบการเงินของกลุ่มที่มีการแปลเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น เราจึงมีการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจ

AIA GroupLee Yuan Siongกลุ่มบริษัทเอไอเอผลประกอบการ Q1/2564
Comments (0)
Add Comment