จากในสถานการณ์ตอนนี้ ทุกคนใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบ้านและออกนอกบ้านเพื่อทำกิจกรรมที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การกินข้าว การออกกำลังกาย การใช้เวลากับครอบครัว รวมไปถึงการนอนหลับก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้านทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงควรทำให้ในบ้านเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ที่สุด โดยภัยอันตรายจากสิ่งที่มองเห็นนั้นอาจจะป้องกันและหาวิธีรับมือได้ไม่ยาก แต่สำหรับภัยที่มองไม่เห็นอย่างฝุ่นละอองและสารปนเปื้อนล่ะ จะทำอย่างไร?
รู้จักกับโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก ในกลุ่มเพื่อนของเรากลุ่มหนึ่งจะต้องมีสักคนที่เป็นโรคนี้ โดยจำนวนผู้ป่วยของโรคภูมิแพ้ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นในทุกปี จากการสำรวจในประเทศไทยพบว่า อุบัติการณ์โรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก จากการสำรวจพบว่าในเด็กอายุ 6-7 ปี มีอาการภูมิแพ้ทางจมูกถึง 47.3% และในเด็กอายุ 13-14 ปี มีถึง 54.9%
โรคภูมิแพ้เกิดได้จาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งแวดล้อมประกอบไปด้วยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองทางเดินหายใจ ทั้งจากในบ้าน เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ เชื้อรา เชื้อไวรัส และจากนอกบ้าน เช่น มลภาวะ PM2.5, แก๊ส, สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายหรือเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งถ้าหากเราสัมผัสสารกระตุ้นภูมิแพ้เหล่านี้เป็นระยะเวลานานก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น
ภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ เยื่อบุตาและผิวหนัง โดยเฉพาะเชื้อไวรัส ยังก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจแบบฉับพลันได้ เช่น อะดีโนไวรัส ไข้หวัดใหญ่ โคโรน่าไวรัส เป็นต้น
อาการหลอดลมไวในระยะยาว โดยเฉพาะในเด็กเล็กทำให้เป็นโรคหอบเมื่อโตขึ้น เช่น ฮิวแมนไรโนไวรัส, RSV ซึ่งอนุภาคของไวรัสเหล่านี้นั้นขนาดเล็กได้ถึงระดับ 0.1 ไมครอน ถ่ายทอดผ่านการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ไอ จาม ละอองฝอยที่ลอยในอากาศทำให้ติดต่อกัน และสารคัดหลั่งเหล่านี้อาจค้างบนเสื้อผ้า ฝ่ามือหรือผิวหนัง ได้นานเป็นชั่วโมงหรือนานเป็นวัน
คนที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศจะมีอาการคัน จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก ตาแดงคัน ไอหรือกระแอมเรื้อรัง น้ำมูกลงคอ คันในคอ กรนหายใจดัง บางรายอาจมีไซนัสหรือหูชั้นกลางอักเสบได้ หากมีภาวะหลอดลมไวด้วย จะมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก มีเสียงคล้ายนกหวีดเมื่อหอบเหนื่อย โดยเฉพาะเมื่อถูกกระตุ้นโดยฝุ่นควัน อากาศแห้งเย็น การออกกำลังกายหรือหัวเราะวิ่งเล่นอย่างหนักในเด็กเล็ก
ฝุ่นละอองและสารปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้แล้วยังทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศอีกด้วย เพราะในอากาศมีทั้งอนุภาค โลหะหนัก และแก๊ส ที่สามารถแทรกซึมเข้ามาภายในบ้านแม้ปิดประตูหน้าต่าง หรือมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านก็มีด้วยเช่นกัน เช่น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ควันธูป การทำอาหาร บุหรี่ โดยการที่ร่างกายต้องพบเจอกับมลภาวะทางอากาศนานๆ ก็ทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา เช่น
เกิดการระคายเคืองเยื่อบุผิว ตา ทางเดินหายใจ และกระตุ้นอาการภูมิแพ้
เกิดการอักเสบในร่างกาย ส่งผลระยะยาว โดยจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคมะเร็งปอด มะเร็งทางเดินอาหาร ทำให้การพัฒนาของถุงลมปอดในเด็กลดลง มีรายงานพบระดับ IQ ของบุตรลดลงหากมารดาสัมผัส PM2.5 ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ รวมทั้งยังพบว่าลดอายุขัยด้วย โดย PM2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จะทำให้อายุขัยสั้นลงได้ 0.98 ปี
ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางอากาศ สัตว์เลี้ยงที่รักของทุกคนก็ได้รับด้วยเช่นกัน โดยอาการของสัตว์ที่เกิดขึ้นคือ ไอ หายใจลำบาก อ้าปากหายใจ หายใจเสียงดังกว่าปกติ หายใจถี่ เหงือกซีด ซึม อ่อนแรง ระคายเคืองตา มีน้ำตาไหล น้ำมูกมาก กินอาหารลดลง และหิวน้ำบ่อย
การลดความเสี่ยงของสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้าน
ทุกคนควรขจัดสารก่อภูมิแพ้ให้ออกไปมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น ใช้ผ้าคลุมที่นอนกันไรฝุ่น ใช้เจลกำจัดแมลงสาบ อาบน้ำสัตว์เลี้ยงทุกอาทิตย์ ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยการขจัดสารเหล่านี้ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและอาจทำได้ยาก เพราะอนุภาคสารก่อภูมิแพ้บางชนิดอาจลอยในอากาศและมีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็น แต่สามารถใช้ตัวช่วยในการกำจัดสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการเลือกใช้เครื่องกรองอากาศชนิดเส้นใยคุณภาพสูงหรือ HEPA filter ซึ่งสามารถกรองอนุภาคได้อย่างละเอียด สามารถกรองอนุภาคมลภาวะและยังสามารถลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคในบ้านอีกด้วย