เพราะอาชีพเดียวไม่พอ เจาะแนวคิด 3 มนุษย์สุดขยัน ใช้เวลาว่างหารายได้กับงานพาร์ทไทม์ หวังสร้างอนาคตที่กำหนดเอง

ทุกคนต่างมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่การจัดสรรเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ สำหรับวัยทำงานเวลาส่วนใหญ่จะถูกใช้ไปกับการทำงานเพื่อหารายได้ ด้วยทางเลือกของอาชีพที่หลากหลายกว่าเดิมทำให้ปัจจุบันมีอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย นอกจากงานประจำแล้วหลายคนยังมองหาโอกาสใหม่ให้ตัวเองด้วยอาชีพที่สอง เพราะการมีรายได้มากกว่าทางเดียวย่อมเป็นหลักประกันให้เรามั่นใจได้กว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อเรายังต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้นในเร็ววัน และเป็นบทเรียนที่สร้างผลกระทบด้านอาชีพและทิ้งรอยแผลไว้ในหัวใจของใครหลายคน

เพราะมนุษย์แม่ต้องคิดให้รอบคอบ

แบ๋ม – กมลรัตน์ รังษี สาวหัวใจแกร่งวัย 25 ปี คุณแม่ของน้องพีลูกชายวัย 4 ขวบ ที่ปัจจุบันยึดอาชีพหลักขายทุเรียนอยู่แถวถนนจันทน์ แบ๋มเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงสดใสว่าแท้จริงเธอนั้นเคยประกอบอาชีพมาหลากหลายอย่างด้วยความเป็นคนชอบทำงานหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อช่วยเติมเต็มชีวิตของเธอและหารายได้มาดูแลลูกชาย

“พื้นเพที่บ้านแบ๋มทำธุรกิจรถขนส่งซึ่งก็มีรายได้ปานกลางพอเลี้ยงปากท้องได้ส่วนหนึ่ง แล้วก็มีงานหลักอีกอาชีพคือการขายทุเรียน ตัวแบ๋มเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งมาตั้งแต่เด็กแล้วมักจะหาอะไรทำตลอดตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย อย่างงานที่เคยทำก็มีทั้งช่างแต่งหน้า งานดูแลอีเว้นท์แสงสีเสียง เป็นนักแสดงอิสระ นักพากย์เสียงหุ่นละครและมาขับแกร็บเพิ่มด้วยในตอนนี้ จริงๆ แล้วแบ๋มก็เคยทำงานประจำอยู่ช่วงหนึ่งแต่เราก็รู้ตัวว่างานประจำไม่ใช่สิ่งที่ถนัด เลยลาออกมาหางานฟรีแลนซ์ใหม่ๆ ทำแทน เพราะรู้สึกสนุกกว่าและมีรายได้มากกว่าการทำงานประจำเพียงอย่างเดียว สำหรับเป้าหมายหลักของแบ๋มตอนนี้คือการเก็บเงินให้กับลูกเพื่อที่เขาจะได้มีทุนในการเรียนต่อและสามารถใช้ชีวิตตามแบบที่เขาต้องการ ที่สำคัญเราไม่อยากปิดกั้นความฝันของลูกด้วยคำว่าไม่มีเงิน ทุกวันนี้แบ๋มพยายามที่จะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเขา พยายามที่จะเป็นแม่ของลูกในเวอร์ชันที่ดีที่สุดค่ะ”

ทุกอาชีพล้วนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง

“ก่อนมาขับแกร็บก็มีคนรอบตัวห้ามแบ๋มเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นห่วงเพราะเราเป็นผู้หญิงและการขับรถมอเตอร์ไซค์ใน กทม. จะอันตรายหรือเปล่า บางคนมองว่าการขับรถส่งอาหารเป็นงานสำหรับคนที่ตกงาน เป็นงานที่ไม่มีคุณค่า ทั้งเหนื่อยลำบากและยังต้องคอยบริการคนอื่น แต่แบ๋มกลับมองว่าการขับแกร็บก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่จำเป็นต้องมีในสังคมไม่ต่างไปจากอาชีพอื่นๆ เลย เราเป็นเหมือนผู้บรรเทาทุกข์ความหิวนะคะ ที่สำคัญแบ๋มชอบที่ได้ให้บริการลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็เจอลูกค้าน่ารักเสมอ แบ๋มคิดว่าในทุกๆ อาชีพเราสามารถเป็นคนที่สุดยอดในแบบของอาชีพนั้นๆ ได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองว่าเราจะมองเห็นปัญหาหรือเราจะมองเห็นคุณค่าของงานนั้นค่ะ”

ชีวิตลูกผู้ชายกับภารกิจเพื่อชาติและเพื่อปากท้อง

เสก – จ่าสิบตรีเอกอาทิตย์ แฟมไธสง วัย 32 ปี หนุ่มมาดขรึมที่มีงานหลักเป็นข้าราชการทหารบกมากว่า 7 ปี ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการขี่รถมอเตอร์ไซค์เป็นทุนเดิมและอยากใช้เวลาหลังเลิกงานให้เป็นประโยชน์ เป็นเหตุผลสำคัญ
ที่ทำให้เสกเลือกมาขับแกร็บเป็นงานเสริมมานานกว่า 4 ปีแล้ว

“ผมชอบความรู้สึกของการเป็นอิสระและได้ผจญภัยตอนที่ขับมอเตอร์ไซค์ไปยังที่ต่างๆ ก่อนหน้าโควิดระบาดผมก็มีรวมตัวกับเพื่อนๆ ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ่อยๆ แต่ช่วงนี้คงต้องพับทริปเที่ยวไปยาวๆ ก่อน ตอนนี้ผมมีมอเตอร์ไซค์อยู่ 4 คัน ซึ่งแต่ละคันก็แบ่งใช้งานแตกต่างกัน อย่างคันที่ใช้ขับแกร็บก็จะมีที่วางกระเป๋าด้านหลังโดยเฉพาะ ทำให้คล่องตัวเวลาขับทำงานได้มากขึ้น”

“จุดเริ่มต้นที่อยากมาขับแกร็บเพราะด้วยอาชีพหลักของผมที่มีเวลาเข้า-ออกงานตรงเวลาตามระเบียบราชการทำให้ผมมีเวลาว่างหลังเลิกงานเยอะ ถ้าปล่อยทิ้งไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ประกอบกับเพื่อนสนิทผมก็มาชวนให้ลองขับแกร็บดู เพราะเป็นงานที่สามารถทำเวลาไหนก็ได้แล้วแต่เราจัดการเวลา ที่สำคัญผมก็มีมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วก็เลยตัดสินใจมาขับดูจากวันนั้นก็ผ่านมา 4 ปีแล้วครับที่เลือกขับแกร็บเป็นอาชีพเสริม”

ภารกิจเมื่อคราวถอดหมวกทหารแล้วสวมแจ็คเก็ต

“หลายคนเคยถามว่าผมรู้สึกยังไงที่มาขับแกร็บ เพราะเป็นอาชีพที่แตกต่างจากการเป็นทหารโดยสิ้นเชิงเพราะการเป็นทหารเรามีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามแต่การขับแกร็บเราค่อนข้างมีอิสระตรงที่สามารถเลือกทำงานวันและเวลาไหนก็ได้ตามที่เราสะดวก แต่จริงๆแล้วก็มีข้อกำหนดที่เราต้องปฏิบัติตามอยู่เหมือนกันนะครับ ผมมองว่าเพราะอาชีพหลักของผมเป็นเหมือนการทำภารกิจเพื่อชาติ ส่วนการขับแกร็บก็เป็นเหมือนภารกิจที่ทำให้ลูกค้ามีความสุขเวลาที่เรานำอาหารไปส่งหรือข้าวของต่างๆ ที่สำคัญของเขาไปส่งให้ ทุกวันนี้ผมก็ขับแกร็บทุกวันหลังเลิกงานและเสาร์-อาทิตย์เต็มวันครับ นอกจากจะได้เงินก็ยังเหมือนได้ออกมาเจอเพื่อนๆ และขับรถสำรวจเส้นทางใน กทม.ด้วยเป็นอีกงานที่ผมชอบนะครับ”

สตาร์ทชีวิตคิดนอกกรอบ

ฟีฟ่า – จิระวัฒน์ ธาดาพิทักษ์ทรัพย์ บัณฑิตหนุ่มจากคณะวิศวกรรมศาสตร์วัย 23 ปี ที่หลงใหลในการลงทุนเป็นชีวิตจิตใจจนยึดเป็นอาชีพหลักทุกวันนี้ โดยกิจวัตรประจำวันคือการติดตามข่าวสารเพื่อวิเคราะห์ตลาดและเทรด Forex ก่อนที่จะออกมาขับแกร็บต่อในช่วงเย็นๆ

“ก่อนหน้าที่จะออกมาเทรด Forex แบบเต็มตัวผมก็เคยลองทำงานประจำมาก่อนหน้านี้ และเพราะตอนนั้นที่ออฟฟิศมีจัดอบรมเรื่องนี้ให้เลยเป็นเหมือนการเปิดโลกให้ผมรู้จักกับการลงทุนมากขึ้น ยิ่งพอได้ลองเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ผมก็พบว่าการลงทุนเป็นศาสตร์ที่ต่อยอดได้เรื่อยๆ สำหรับ Forex ที่ผมเทรดอยู่ตอนนี้รูปแบบคือเป็นการเทรดสกุลเงินตราต่างประเทศโดยตลาดจะเปิด 24 ชั่วโมงทุกวันจันทร์-ศุกร์ จึงเป็นตลาดที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผมคิดว่าน่าท้าทายดีนะครับ นอกจาก Forex แล้วช่วงนี้ผมก็สนใจศึกษาเรื่องหุ้นและทองด้วยเพราะเป็นตลาดที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน อีกแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมสนใจเรื่องการลงทุนอย่างจริงจังคือซีรีส์เรื่อง Start-Up ของเกาหลีครับ ผมว่าเป็นซีรีส์ที่เนื้อเรื่องทันสมัยและน่าสนใจมากๆ เพราะพูดถึงเรื่องการลงทุน หุ้น บริษัทสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีที่สร้างอาชีพใหม่ๆ ให้กับคนยุคนี้เลยครับ”

งานเสริมกับการค้นหาตัวตนที่แท้จริง

“จริงๆ แล้วแกร็บเป็นอาชีพแรกๆ ของผมเลยนะครับ เพราะผมเริ่มขับตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยช่วงประมาณปี 3 ตอนนั้นเพราะอยากหาเงินเพิ่มนอกจากเงินที่คุณพ่อคุณแม่ให้มา แต่ถ้าจะไปทำงานพาร์ทไทม์อื่นๆ ที่มีเวลาเข้า-ออกงานแน่นอน ผมก็ไม่สามารถทำได้เพราะบางวันก็เลิกเรียนไม่เป็นเวลา แต่แกร็บเป็นงานที่เราจัดการเวลาได้เองอย่างอิสระและยังช่วยเพิ่มสกิลในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อีกด้วย ผมมองว่าบางครั้งการทำงานเสริมก็ช่วยให้เราค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเราได้นะครับ มันทำให้ผมรู้ว่าผมชอบทำงานที่มีอิสระในการจัดการเวลาได้ด้วยตัวเอง และเป็นพื้นฐานในเราวางแผนจัดการรายได้อย่างรอบคอบมากขึ้นครับ”

FooddeliveryGrabLogisticsPARTTIME
Comments (0)
Add Comment