“ออริจิ้น” กวาดยอดพรีเซล 9 เดือน 23,000 ล้าน ทะลุ 79% ของเป้าทั้งปี Q4/2564 เปิดตัวบ้าน-คอนโดเพิ่มอีก 9 โครงการ หนุนยอดขาย All Time High

“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” เปิดผลงานยอดขาย 9 เดือนแรกปี 64 กวาดยอดทะลุ 23,000 ล้าน ทะลุ 79% ของเป้าหมายทั้งปี หลังปรับตัวสู่การตลาดออนไลน์ผ่าน Property Live พร้อมบุกตลาดเซ็กเมนท์ใหม่ต่อเนื่อง ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ และบ้านจัดสรรเครือบริทาเนีย ยังมาแรง ฟังก์ชันตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุค Next Normal ไตรมาส 4/2564 จ่อเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,295 ล้าน หนุนยอดขายสร้างสถิติ All Time High ที่ 29,000 ล้านบาทตามเป้า

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.64) บริษัทมียอดขายสะสมแล้วกว่า 23,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าราว 22% คิดเป็น 79% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 29,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มบ้านจัดสรร 27% และกลุ่มคอนโดมิเนียม 73% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) 71% และกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (On Construction) 29%

“จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว เป็นปัจจัยที่ท้าทายภาพรวมธุรกิจต่างๆ อย่างมาก เราเองพยายามปรับตัวอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย ทั้งการสร้างลูกเล่นใหม่ๆ ในการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อย่างการจัดมหกรรมคอนโดออนไลน์ 9.9 Origin Condo Festival ในรูปแบบ Property Live การบุกตลาดเซ็กเมนท์ใหม่ๆ ที่มีดีมานด์และยังมีโอกาสเติบโตอย่างคอนโดที่เลี้ยงสัตว์ได้ การเปิดตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือ Investment Property หาแนวทางที่ทำให้เราโตไปกับทฤษฎี K-Shaped Recovery ฝั่งขาขึ้น ส่งผลให้เรายังทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย” นายพีระพงศ์ กล่าว

สำหรับแบรนด์สำคัญที่สร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) แบรนด์คอนโดมิเนียมเจาะตลาดกลุ่มคนเพิ่งเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) และกลุ่ม Gen Z ที่ยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องจากทั้งฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ในช่วง Next Normal แบ่งแยกพื้นที่สำหรับการทำงาน การอยู่อาศัย และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย บ้านจัดสรรในเครือบริทาเนีย (Britania) โดยเฉพาะโครงการในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่เปิดตัวในปีนี้อย่างแกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ไตรมาส 4/2564 ของปีนี้ น่าจะเป็นช่วงที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯฟื้นตัวชัดเจน จากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3/2564 และยอดการฉีดวัคซีนที่ทยอยเพิ่มขึ้น หากภาครัฐสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในการกลับมาจับจ่ายใช้สอย และเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการในการทำการตลาดที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

สำหรับบริษัท มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2564 เพิ่มเติมอีก 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,295 ล้านบาท ตามแผนงานที่วางไว้ แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,695 ล้านบาท ได้แก่ 1.ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ แบริ่ง 2.ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ รามอินทรา 3.บริกซ์ตัน เกษตร ศรีราชา แคมปัส และโครงการบ้านจัดสรร 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,600 ล้านบาท ได้แก่ 1.ไบรตัน บางปะกง 2.บริทาเนีย แพรกษา สเตชั่น 3.บริทาเนีย ติวานนท์-ราชพฤกษ์ 4.แกรนด์ บริทาเนีย พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 5.แกรนด์ บริทาเนีย นนทบุรี สเตชั่น 6.แกรนด์บริทาเนีย สุวรรณภูมิ โดยทุกโครงการที่เปิดตัว ยังคงเปิดตัวในทำเลที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะทำเลฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯไปจนถึงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงมีการบุกเซ็กเมนท์ใหม่อย่างตลาดผู้สูงวัย (Silver Age) รองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ด้วยแบรนด์ใหม่ ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ แบรนด์คอนโดมิเนียม Leasehold พร้อมโปรแกรมดูแลผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ไตรมาส 4/2564 จะยังคงเป็นไตรมาสที่บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดเช่นเดียวกับทุกปี คาดว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างยอดขายใหม่ในช่วงโค้งสุดท้าย หนุนภาพรวมยอดขายทั้งปีสร้างสถิติใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) ที่ 29,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้