ทีเอ็มบีธนชาต ตอกย้ำเป้าหมายการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีให้คนไทย เดินหน้าต่อยอดให้ความรู้ทางการเงิน ด้วยการออกแบบความรู้ที่ตอบโจทย์ตรงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน ผ่าน 4 แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างสะดวกคล่องตัว ได้แก่ “ฟินทิป โดย ทีทีบี”(fintips by ttb) แหล่งรวมเคล็ดลับทางการเงินสำหรับกลุ่ม Gen Y และคนรุ่นใหม่ บนเว็บไซต์ ttbbank.com และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของธนาคาร, “ฟินฟิต กับ ทีทีบี” (finfit with ttb) ชุมชนออนไลน์บนเฟซบุ๊ก พื้นที่ของสมาชิกเพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้เรื่องการเงิน, “ฟิน ลิฟ แอนด์ เลิร์น โดย ทีทีบี” (fin live and learn by ttb) โครงการให้ความรู้เรื่องการเงินส่วนบุคคลทางออนไลน์สำหรับกลุ่มพนักงานบริษัทต่าง ๆ ที่ใช้บริการจ่ายเงินเดือน และดูแลสวัสดิการพนักงานผ่านทีเอ็มบีธนชาต และ “ฟินบิส โดย ทีทีบี” (finbiz by ttb) โครงการเสริมความรู้ธุรกิจเพื่อลูกค้าเอสเอ็มอีบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และสัมมนาออนไลน์ ที่เจาะลึกทุกบริบทของอุตสาหกรรม ยกระดับความรู้ให้ลูกค้าเอสเอ็มอี เพื่อช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในยุคดิจิทัล
จากรายงานผลการสำรวจทักษะทางการเงินของไทยปี 2563 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติในการสำรวจระดับทักษะทางการเงินของคนไทย ตามกรอบของ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) พบว่า คนไทยมีพัฒนาการระดับทักษะทางการเงินดีขึ้นอยู่ที่ 71% สูงกว่าการสำรวจครั้งก่อนในปี 2561 ที่ 66.2% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยการสำรวจทักษะทางการเงินของ OECD ในปี 2563 ที่ 60.5% โดยหากพิจารณาถึงองค์ประกอบของทักษะทางการเงินซึ่งมี 3 ด้าน คือ ความรู้ทางการเงิน ทัศนคติทางการเงิน และพฤติกรรมทางการเงิน ก็พบว่าคนไทยมีพัฒนาการดีขึ้นในทุกด้าน แต่อย่างไรก็ตาม ในด้านของความรู้ด้านการเงินพบว่า ยังมีเรื่องที่ต้องเร่งให้ความรู้เพิ่มเติม เช่น การคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากทบต้นซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจและไม่สามารถคำนวณดอกเบี้ยได้ถูกต้อง และเรื่องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึก เพื่อวิเคราะห์และลงทุนได้อย่างเหมาะสม
ดังนั้น ธนาคารได้เล็งเห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นให้ความรู้ทางการเงินกับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้พัฒนาองค์ความรู้ เครื่องมือ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อเสริมทักษะความรู้ทางด้านการเงินให้แก่คนไทย พร้อมกับการพัฒนาเนื้อหาความรู้ และรูปแบบการนำเสนอ แบบที่เข้าใจง่าย นำไปปรับใช้ได้จริง บนแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และลูกค้ามีเวลาศึกษาด้วยตัวเองอย่างครบถ้วน ซึ่งตอบโจทย์ตรงความต้องการและเหมาะกับลูกค้าทั้ง 4 กลุ่มผ่าน 4 แพลตฟอร์มดิจิทัล ได้แก่
- fintips by ttb: แหล่งรวมเคล็ดลับทางการเงินสำหรับกลุ่มลูกค้า Gen Y และคนรุ่นใหม่ บนเว็บไซต์com และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของธนาคาร ที่ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “Your financial companion เพื่อนที่รู้ใจเรื่องการเงิน” โดยสร้างสรรค์คอนเทนต์จากอินไซต์ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ได้มาจากข้อมูลการวิจัย และข้อมูล Social Monitoring เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน แล้วนำข้อมูลมาปรับให้เป็นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ออกแบบให้มีความทันสมัย สอดแทรกเคล็ดลับการเงินจากแหล่งที่น่าเชื่อถือของธนาคาร พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องการความรู้ทางการเงินไปสานฝันให้เป็นจริง เพื่อให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต
- finfit with ttb ชุมชนออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการมีชีวิตทางการเงินที่ดี โดยจัดตั้งบนแพลตฟอร์ม Facebook Closed Group ที่เสมือนคอมมูนิตี้แห่งการแบ่งปันเรื่องราว และแลกเปลี่ยนแนวคิด และประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารการเงิน ที่ร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจ ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อบรรลุเป้าหมายในชีวิต โดยวางแผนให้มีบทความ หรือกิจกรรมพิเศษจากกูรูด้านการเงินมาให้คำแนะนำสมาชิกในกลุ่มเป็นระยะด้วย
- fin live & learn by ttb โครงการให้ความรู้เรื่องการเงินส่วนบุคคลสำหรับกลุ่มพนักงานองค์กรต่าง ๆ ที่ใช้บริการจ่ายเงินเดือน และดูแลสวัสดิการพนักงานผ่านทีเอ็มบีธนชาต โดยจัดทำหลักสูตรในแบบ Active Learning ที่มีสื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ ที่ทันสมัยผ่านช่องทางออนไลน์ของแต่ละองค์กร พร้อมออกแบบหลักสูตรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในระดับกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ นอกจากนี้ fin live & learn ยังสามารถจัดหลักสูตรพิเศษที่ตอบโจทย์ให้กับพนักงานของแต่ละองค์กร ที่มีความสนใจในบริบทที่แตกต่างกัน เช่น การวางแผนการลงทุน การวางแผนการป้องกันความเสี่ยง การวางแผนภาษี และ การบริหารจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ซึ่งธนาคารได้ดำเนินการ fin live & learn มาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ปี และจัดอบรมให้กับพนักงานในองค์กรต่าง ๆ ทั้ง ภาครัฐและภาคเอกชนรวมแล้วกว่า 30,000 คน นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ธนาคารได้เพิ่มกิจกรรม “Tax Talk 2021” เพื่อส่งมอบเคล็ดลับพร้อมเครื่องมือที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดหย่อนภาษีและต่อยอดเงินคืนภาษี ด้วยการลงทุนที่หลากหลายและเหมาะสม ช่วยให้คนทำงานเตรียมพร้อมวางแผนในช่วงเทศกาลลดหย่อนภาษีปลายปีได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
- finbiz by ttb โครงการเสริมความรู้และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเอสเอ็มอี ซึ่งต่อยอดมาจากโครงการ “LEAN Supply Chain by ttb” ที่ธนาคารได้ดำเนินการมานานกว่า 10 ปี พร้อมเพิ่มเติมความรู้ให้ครอบคลุม และขยายเนื้อหา แนวคิดต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดย finbiz by ttb เป็นแหล่งข้อมูลที่ครบ จบ ในที่เดียว ทั้งรูปแบบของการสัมมนาออนไลน์ บทความ และคลิปวิดีโอ บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย มีข้อมูลความรู้ครอบคลุมทั้งเทรนด์อุตสาหกรรม ทฤษฎี หลักการนำไปใช้ กรณีศึกษา พร้อมข้อมูลเจาะลึกในเชิงอุตสาหกรรมแบบรอบด้านจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำธุรกิจแถวหน้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ สะท้อนให้เห็นมุมมองในหลายมิติ เติมแรงบันดาลใจ ช่วยกระตุ้นความคิดให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ความรู้ทางด้านการเงินในแง่มุมอื่น เช่น “ทีทีบี สมาร์ทโพรเทค” (ttb smart protect) บนเว็บไซต์ www.ttbbank.com/smartprotect ที่จะช่วยให้คนไทยค้นพบการวางแผนความคุ้มครองที่พอดีกับตัวเองได้ง่าย ๆ ผ่านการสำรวจใน 3 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ สุขภาพ การออมเพื่อเกษียณ และการดูแลคนข้างหลัง เป็นต้น รวมไปถึงการวางแผนพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารเงิน โดยทางธนาคารพร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำด้านการเงินให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างยั่งยืน
“ท่ามกลางสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางจากวิกฤตโควิด-19 การมีความรู้ทางการเงินจะช่วยให้คนไทยรับมือกับความเสี่ยงได้ดีขึ้น ทีเอ็มบีธนชาตจึงต้องการเข้าไปเติมเต็มให้ความรู้ทางการเงินให้กับคนไทยให้ครอบคลุมทุกกลุ่มที่นอกเหนือจากการนำเสนอโซลูชันทางการเงินต่าง ๆ ตอกย้ำความมุ่งมั่นพันธกิจของธนาคารที่ต้องการยกระดับบริการและส่งมอบประสบการณ์ทางการเงิน เพื่อเป้าหมายชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น (Financial Well-being) ของคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต” นางกาญจนา กล่าวสรุป