ไทยออยล์ ยืนหนึ่งเรื่องการสร้างศักยภาพ “คน” ด้วยองค์ความรู้ตลอดระยะเวลา 60 ปี พร้อมยกระดับการดูแลพนักงานช่วงโควิด-19
จากชื่อเสียงที่สั่งสมมานานกว่า 60 ปี ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีธุรกิจหลักคือธุรกิจการกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง และต่อยอดไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมี น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน การผลิตไฟฟ้า รวมถึงการจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทสารทำละลาย และการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Empowering Human Life Through Sustainable Energy and Chemicals สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน” ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งองค์กรไทยที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ ๆ ให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอย่างต่อเนื่อง
ไทยออยล์ถือเป็นองค์กรที่ได้รวบรวมบุคลากรที่มีความสามารถหลากหลายแขนง ตั้งแต่ระดับพนักงาน ไปจนถึงระดับผู้บริหาร โดยการมีบุคลากรที่มีคุณภาพถือเป็นกุญแจดอกสำคัญแห่งความสำเร็จของการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศมาโดยตลอด สืบเนื่องจากการสั่งสมประสบการณ์และองค์ความรู้กว่า 6 ทศวรรษ นำมาสู่การพัฒนาและสร้าง “คน” ของไทยออยล์ให้มีพลัง ความสามารถ และดึงศักยภาพเพื่อสร้างผลผลิตได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมองค์กรที่สะท้อนถึงวิถีการทำงานตามแบบฉบับคนไทยออยล์ ผ่านการปลูกฝังวัฒนธรรมการทำงานจากรุ่นสู่รุ่น การสอนงานและการถ่ายทอดความรู้จากหัวหน้าสู่ลูกน้อง การพัฒนาศักยภาพด้วยการส่งเสริมความรู้ในหลากหลายมิติ รวมถึงการจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานที่ดี
ซึ่งภายในองค์กรของไทยออยล์ มีวัฒนธรรมการทำงานแบบ POSITIVE ที่เน้นการทำงานด้วยคุณลักษณะที่ดี 8 ประการ อาทิ ทำงานอย่างมืออาชีพ (P – Professionalism) ยึดมั่นในการเป็นเจ้าของและทุ่มเทต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ (O – Ownership and Commitment) มีความรับผิดชอบต่อสังคม (S – Social Responsibility) การทำงานด้วยความซื่อสัตย์ (I – Integrity) การทำงานเป็นทีม (T – Teamwork and Collaboration) มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (I – Initiative) การมุ่งมั่นในวิสัยทัศน์ (V- Vision Focus) และ การมุ่งสู่ความเป็นเลิศ (E – Excellence Striving) ในการปฏิบัติงานในทุก ๆ ด้าน
โดยการดูแลบริหารทรัพยากรบุคคลของไทยออยล์นับว่าอยู่ในระดับเดียวกับองค์กรชั้นนำระดับประเทศ เพราะไทยออยล์เล็งเห็นถึงคุณค่าของ “คน” เป็นสิ่งสำคัญ อาทิ การเปิดโอกาสในพนักงานสามารถเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพแบบไม่มีที่สิ้นสุดด้วยคอร์สออนไลน์กว่า 700+ หลักสูตร และระบบการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ที่มีในองค์กรอีกกว่า 4000+ รายการ รวมถึงการส่งเสริมเส้นทางอาชีพด้วยการมอบโอกาสและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนให้แก่พนักงาน รวมทั้งการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สูงติดอันดับ TOP5 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยออยล์ให้ความสำคัญในการดูแลคนมาเป็นอันดับหนึ่ง (People First) เสมอ เพราะเราเชื่อว่า “คน” เป็นขุมพลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กร จะเห็นได้ว่าในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 เราได้ยกระดับมาตรการดูแลพนักงานเป็นพิเศษ ด้วยการจัดตั้งศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (I – COVID Center) ที่ทำงานเชิงรุก ครอบคลุม และดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคในกลุ่มพนักงานในองค์กร และเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรค ทั้งในการดำเนินธุรกิจปกติและการก่อสร้างโครงการลงทุนต่าง ๆ รวมถึงการให้พนักงานสามารถ Work From Home 100% ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงแก่พนักงานทุกคน”
ไทยออยล์ยังดูแลพนักงานในยุค New Normal ด้วยโครงการ 5 สุข ได้แก่ โครงการสุขเงิน – แลกเปลี่ยนสวัสดิการได้ตรงใจด้วยตัวเอง, โครงการสุขใจ – ปรึกษาทุกข้อกังวลใจกับนักจิตวิทยาและจิตแพทย์, โครงการสุขกาย – ตัวช่วยในการดูแลสุขภาพของพนักงานแบบอัจฉริยะ, โครงการสุขสังคม – สร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับพนักงานด้วย Digital Collaboration Platform และ สุขชื่นชม – สนับสนุนการส่งพลังบวกและยกย่องชมเชยเพื่อนร่วมงาน ช่วยยกระดับวัฒนธรรมในองค์กรและเป็นพลังให้พนักงานสามารถสร้างผลงานที่ดีได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ มีแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์และพลังในการสร้างผลงานอันมีคุณค่าต่อตนเอง องค์กรและสังคมต่อไป
นอกจากการบริหาร ดูแลและพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพสูงสุด พร้อมสนับสนุนคุณภาพชีวิตของพนักงานในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ในมุมของการดำเนินกิจการจะเห็นได้ว่า ไทยออยล์ ยังเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนและพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ESG (Social / Environmental / Governance) ที่ใช้เป็นหลักยึดมั่นและเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่การเป็นองค์กรแห่งคุณภาพที่มีความน่าเชื่อถือและสร้างคุณค่าแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงพนักงานในองค์กร มาตลอด 60 ปี โดยแบ่งแนวคิดการดำเนินงานออกเป็น 3 มิติที่แตกต่าง ได้แก่
มิติสิ่งแวดล้อม: Enhance Environment การยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก โดยศึกษาแนวทางที่จะมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emission
มิติสังคม: Engage Society มีเป้าหมายสร้างความผูกพันเพื่อเติบโตร่วมกันในระยะยาว ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ผ่านการสื่อสารเชิงรุก การรับฟังความเห็น การพัฒนาความสัมพันธ์และโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคม โดยเฉพาะด้านสุขอนามัย (Healthcare)
มิติบรรษัทภิบาล: Ensure Good Governance เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านบรรษัทภิบาล ผ่านการบูรณาการ GRC (Governance, Risk and Compliance) โดยเน้นการสร้างสมดุลระหว่างความเข้มงวดของมาตรการควบคุมภายในและความยืดหยุ่นคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายการปราศจากการฝ่าฝืนกฎหมายและกฎระเบียบขององค์กร
“เราให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด ด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรภายใต้แนวคิด ESG ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำงานในทุกกระบวนการ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายไม่ได้ หากขาดตัวแปรที่สำคัญนั่นคือ “พนักงาน” ของไทยออยล์ทุกคนที่ช่วยผลักดันให้องค์กรเติบโตสู่องค์กร 100 ปี เพื่อเชื่อมโยงคุณค่าสู่สังคม สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและอนาคตของทุกคนไทยทั้งประเทศอย่างยั่งยืน” นายวิรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย