ในยุค Disruptive Era เป็นช่วงที่บรรดาสตาร์ทอัพและองค์กรใหญ่ซึ่งปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น Tech Company ลงสนามเข้าสู่สมรภูมิธุรกิจเทคโนโลยีกันอย่างคับคั่ง รวมถึงบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY หนึ่งใน Tech Company หน้าใหม่ที่กำลังโดดเด่นที่สุดในช่วงนี้ จากบริษัทที่ใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี สร้างรายได้มากกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และสามารถเข้าไปยืนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จนล่าสุดได้เปิดตัว Smart Security Platform ภายใต้ชื่อ “TOSSAKAN” (ทศกัณฐ์) บุกตลาดเทคโนโลยีสำหรับอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและผลักดันประเทศสู่ Better Thailand ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรม การให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ระดับประเทศ เล่าว่า หลังประกาศทรานส์ฟอร์มองค์กรเป็น Tech Company บริษัทได้ต่อยอดนวัตกรรมดั้งเดิมต่างๆ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านการวางระบบความปลอดภัยตามสถานที่ขนาดใหญ่อย่างสนามบินและศูนย์ราชการ นำมาร่วมกับองค์ความรู้ด้าน Digital Platform และ AI Solutions ที่ได้จากการระดมทีม AI Talent มาศึกษาค้นคว้าร่วมกัน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และโนว์ฮาวกับ Global Partner อย่าง SenseTime และ Huawei ผ่านการทำงานร่วมกันในรูปแบบต่างๆ อาทิ การพัฒนาร่วมกันในลักษณะ Co-development ปรับการทำงานของ AI ให้มีประสิทธิภาพ และเข้ากับบริบทของประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ SKY ICT เป็น Tech Company ที่สร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งท่ามกลางการแข่งขันของโลกเทคโนโลยี
“การจับมือกับ Global Partner ช่วยเป็นสปริงบอร์ดเสริมประสิทธิภาพด้าน AI Solutions ของ SKY ICT ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดยิ่งขึ้น ซึ่งเรามองว่าการนำบริการดั้งเดิมของเรามายกระดับ Infrastructure ร่วมกับ Digital Platform ที่ SKY ICT และ Global Partner ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนในด้านต่างๆ จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนประเทศไปถึงเป้าหมาย Better Thailand ได้ในระยะเวลาอันใกล้” นายสิทธิเดช กล่าว
ขณะที่ภาคการศึกษาบริษัทได้ขยายขอบข่ายองค์ความรู้และส่งเสริมศักยภาพด้าน AI โดยร่วมกับ SKY ICT และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพด้าน AI Literacy และส่งมอบสิทธิ์การใช้งาน SenseStudy แพลทฟอร์มการเรียนการสอนด้าน AI แก่บุคลากรทางการศึกษา เพื่อสร้าง AI Mentor ให้มีทักษะและศักยภาพที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน AI ให้กับเยาวชนในสถานศึกษาต่อไป
“เรามุ่งมั่นที่จะเติมเต็มอนาคตของอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนสังคมไทย ด้วยการสร้าง Future-proof ทั้งการวางพื้นฐานการศึกษาด้าน AI และสร้างสรรค์แพลตฟอร์มไร้สัมผัสแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้คนสามารถใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่ง SenseTime เชื่อว่าความร่วมมืออันใกล้ชิดกับ SKY ICT จะช่วยให้เกิด AI Ecosystem ที่สามารถส่งมอบโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ” Mr. Huang กล่าว
“เราเชื่อว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล 4.0 (Digital Transformation) จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของทศวรรษ พร้อมกันนี้จะช่วยสร้างโอกาสและการเติบโตให้กับธุรกิจ ซึ่งบทบาทของบริษัท SKY ICT มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล กระแสของการเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นหลังเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดโควิด-19 หัวเว่ย ประเทศไทย รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัท SKY ICT และพันธมิตรในการทำงานตามวิสัยทัศน์ ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุตสาหกรรมของไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายอาเบล กล่าวย้ำ
สำหรับความร่วมมือในอนาคต Huawei และ SKY ICT ยังคงมุ่งสร้างความสำเร็จและการเติบโตด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกัน โดยหัวเว่ยจะสนับสนุนทั้งการฝึกอบรม การแบ่งปันเทคโนโลยี การทดสอบเพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ (PoC) การค้นคว้าวิจัย เพื่อช่วยให้ SKY ICT ส่งมอบเทคโนโลยีสร้างสรรค์ระดับโลกสู่ผู้ใช้งานทุกคนอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม SKY ICT ยังคงไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และจับมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อค้นหา AI Solutions มาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งด้านการศึกษา ความปลอดภัย การท่องเที่ยว และขยายไปถึงด้านอื่นๆ ในอนาคตเพื่อช่วยพลิกโฉมประเทศไทยให้ก้าวล้ำยิ่งกว่าเดิม