นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 มีรายได้รวมตามงบการเงิน 2,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 99.9 กำไรสุทธิ 687 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 246.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้บริษัทได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด ทั้งการจำกัดการเดินทางข้ามพื้นที่ มาตรการสั่งปิดห้างและศูนย์การค้าที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นไตรมาสเป็นต้นมา แต่หลังจากคลายล็อกดาวน์ในเดือนกันยายน บริษัทสามารถตอบสนองการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเห็นได้จากความต้องการจองห้องพักที่เติบโตเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศบางประเทศ โดยถือเป็นผลประกอบการที่ดีกว่าไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รุนเเรงที่สุด
ทั้งนี้ทำให้ 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 โดยขาดทุนตามงบการเงิน 105 ล้านบาท ถือเป็นการขาดทุนลดลงร้อยละ 88.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงแม้ว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในช่วง เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 แต่หลังจากที่คลายล็อกดาวน์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและได้รับกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมทางด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ทั้งนี้หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ในไตรมาส3/2564 กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 446.1 สะท้อนถึงการรับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำไรจากการดำเนินงานและผลตอบแทนจากมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สิน
นางวัลลภา กล่าวว่า ปี 2564 เป็นปีที่เกิดการเเพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 ระลอกที่ 3 และระลอกที่ 4 ต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการภาพรวมของบริษัท เราจึงปรับกลยุทธ์ให้เท่าทันสถานการณ์อยู่ตลอด โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กร ควบคุมและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด การกำหนดกลยุทธ์ตอบโจทย์การสร้างคุณค่าในระยะยาว โมเดลธุรกิจที่แตกต่างสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยการปรับปรุงหรือรีแบรนด์ทรัพย์สิน เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันเพื่อความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นศักยภาพการเติบโตของกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนต่อศักยภาพและมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท (Real Value)
โดยในไตรมาส 3/2564 บริษัทเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนควบคู่การขยายเครือข่ายที่สามารถสร้างคุณค่า สร้างพันธมิตรระดับโลกเพิ่มช่องทางการขายและการเข้าถึงฐานลูกค้า สร้างแผนการตลาดเข้าถึงกลุ่มลุกค้า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วยโครงการคุณภาพที่หลากหลาย พร้อมกลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกนำมาตรฐานระดับโลกมาพัฒนาการดำเนินงานสร้างประสิทธิภาพและดูแลสุขอนามัยและการบริการแบบองค์รวมเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตลูกค้าให้ราบรื่นน่าประทับใจ เพื่อตอบโจทย์แผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการที่หลากหลาย ดึงดูดลูกค้ากลับมาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนเปิดโครงการคุณภาพตอบสนองความต้องการในช่วงที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว พร้อมการเสริมศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ อาทิ การเปิดโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ในไตรมาส 4/2564
“บริษัทได้สร้างรากฐานธุรกิจให้มีความพร้อมมากที่สุด เพื่อรับการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นตั้งเเต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป หลังได้รับสัญญาณที่ดีทั้งจากแผนการรับวัคซีนที่ทั่วถึงมากขึ้น เเคมเปญเราเที่ยวด้วยกัน เฟส3 รวมทั้งนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจะสามารถกลับมาเข้มแข็งและเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ตามศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกจากนักเดินทาง” นางวัลลภา กล่าว