PROSPECT REIT ประกาศผลประกอบการ โชว์รายได้รวมไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 114.11 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 3% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5.53% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้รายได้รวม 9 เดือนแตะที่ 332.85 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพและการดำเนินงานครบรอบ 1 ปี ของการจัดตั้ง PROSPECT REIT สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและสูงกว่าเป้าที่ประมาณการ ด้วยปัจจัยบวกด้านศักยภาพของทรัพย์สิน การบริหารจัดการที่ดี ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 98% พร้อมเตรียมจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนต่อผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.2880 บาท/หน่วย
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564) มีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 114.11 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาท หรือ 3% ปัจจัยบวกจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงถึง 98% อีกทั้งการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง 1.94% จึงเป็นผลให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5.53 % ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 9 เดือน สามารถสร้างรายได้รวมจำนวน 332.85 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยประจำไตรมาสนี้ในอัตรา 0.2880 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีกำหนดจ่ายในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ในรอบ 1 ปี ของการจัดตั้ง PROSPECT REIT ได้ประกาศจ่ายเงินออกให้ผู้ถือหน่วยไปแล้วย้อนหลัง 1 ปี รวมอยู่ที่ 1.1363 บาทต่อหน่วย นับว่าผลตอบแทนปีแรกเติบโตได้สูงกว่าที่ประมาณการไว้ในหนังสือชี้ชวน
“ไตรมาส 3 ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ทว่าในฝั่งธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ายังคงได้รับผลกระทบไม่มากนัก ซึ่ง PROSPECT REIT ก็มีผลประกอบการเติบโตขึ้นกว่าไตรมาสก่อน ปัจจัยสำคัญสืบเนื่องจากจุดแข็งของเรา ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่มีความพร้อมสามารถรองรับธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบอย่างโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.23 อันเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ อีกทั้งมีการบริการครบวงจร สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการของผู้เช่า ที่สำคัญเรามีผู้เช่าที่แข็งแกร่ง โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มอาหาร, โลจิสติกส์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีอัตราการต่อสัญญา (Renewal rate) จากผู้เช่ารายเดิมถึง 95%”
นางสาวอรอนงค์ กล่าวต่อไปว่า “จากอัตราการต่อสัญญาของผู้เช่ารายเดิมที่เพิ่มขึ้น และมีผู้เช่ารายใหม่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของคุณภาพทรัพย์สินที่ PROSPECT REIT เข้าลงทุนในครั้งนี้ ในขณะที่ฝั่งของนักลงทุนเราก็มีการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งในแง่ของตัวทรัพย์สินและผลการดำเนินงานในหลายช่องทางเพื่อให้นักลงทุนได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการดำเนินงานของ PROSPECT REIT จึงสามารถสร้างทั้งรายได้และผลกำไรให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่มีการจัดตั้งจนถึงปัจจุบัน ซึ่งครบระยะเวลา 1 ปี เราได้มีการจ่ายเงินออกให้ผู้ถือหน่วยตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 ถึง ไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 0.2805, 0.2808, 0.2870 และ 0.2880 ตามลำดับ รวมจ่าย 4 ครั้งทั้งสิ้น 1.1363 บาท/หน่วย ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการผลตอบแทนปีแรกที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน”
ด้านความคืบหน้าการเข้าซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมและการเพิ่มทุน ยังคงอยู่ในแผนที่วางไว้ ขณะนี้อยู่ในช่วงดำเนินการ ซึ่งมีทั้งทรัพย์สินที่มาจากบริษัทแม่ ได้แก่ “บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” และที่มาจากผู้พัฒนาโครงการรายอื่น โดยคาดว่าการเพิ่มทุนจะเกิดขึ้นภายในปี 2565 ทั้งนี้ PROSPECT REIT มีเป้าหมายในการขยายมูลค่าสินทรัพย์ที่ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี
“สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากการประกาศนโยบายเปิดประเทศของภาครัฐฯ ซึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนชาวต่างชาติให้หันมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ตรงจุดนี้ค่อนข้างส่งผลบวกกับ PROSPECT REIT ด้วยทรัพย์สินที่เรามีอยู่ในมือรวมถึงทีมบริหารที่มีความเป็นมืออาชีพ และที่ผ่านมาก็เริ่มมีผู้ลงทุนรายใหม่ทั้งชาวจีนและชาวไทยเองทยอยเดินทางเข้าดูพื้นที่เช่าในโครงการ BFTZ อยู่อย่างต่อเนื่อง นั้นแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศของกิจกรรมทางธุรกิจเริ่มกลับมาแล้วนั้นเอง” นางสาวอรอนงค์ กล่าว