กรุงศรีเผยความสำเร็จ Krungsri-Thaitown Matching Fair 2021 กิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ เตรียมวางขายสินค้าไทยกว่า 350 รายการในเมียนมา

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)) เผยความสำเร็จของกิจกรรม Krungsri-Thaitown Matching Fair 2021  ในการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทยเข้าร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับ Thaitown supermarket ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าไทยในเมียนมา สู่โอกาสในการทดลองขายจริง  ด้วยจำนวนผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 76 ราย เปิดโอกาสให้สินค้ากว่า 350 รายการเข้าสู่ตลาดเมียนมา พร้อมต่อยอดสู่ Traditional Trade และ Modern Trade ตอกย้ำกลยุทธ์แผนธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 ของกรุงศรีในการมุ่งเสริมศักยภาพลูกค้าธุรกิจ ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่ครอบคลุมในต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าให้เติบโต เพื่อให้กรุงศรีมุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าที่พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน

กิจกรรม Krungsri-Thaitown Matching Fair 2021 จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 4 ตุลาคม 2564 เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตโดยตรงในธุรกิจประเภทต่างๆ อาทิเช่น เครื่องดื่ม อาหารสด อาหารแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูป ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป เครื่องปรุงรส ขนม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาหารเสริม ของใช้ในบ้าน ของตกแต่งบ้าน เป็นต้น ได้มีโอกาสพบปะและเจรจาธุรกิจกับ Thaitown supermarket ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าไทยชั้นนำในเมียนมา กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรม Business Matching ที่กรุงศรีร่วมกับ Thaitown supermarket เป็นครั้งแรก โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ทดลองวางสินค้าที่ Thaitown supermarket นับเป็นการต่อยอดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย ที่กรุงศรีทำมาอย่างต่อเนื่อง

นางสาวมันตินี อัครเสริญ ผู้บริหารสายงานการตลาดลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จของกิจกรรมครั้งนี้ว่า  “กรุงศรีเองได้มีการจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย อาเซียนและญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการจาก Krungsri Business ที่ช่วยเสริมสร้างโอกาสธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยกิจกรรม Krungsri-Thaitown Matching Fair 2021 ในครั้งนี้จะเป็นการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและ Thaitown supermarket ซึ่งแม้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่กรุงศรีก็ไม่หยุดในการสร้างโอกาสธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ โดยได้จัดกิจกรรมในรูปแบบ Virtual Matching และก็ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการไทยทั้ง SME และลูกค้าธุรกิจรายใหญ่เป็นอย่างดี จากผู้ขายที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม 76 ราย และผลการเจรจาธุรกิจทำให้จะมีการนำสินค้าไปทดลองวางขายกว่า 350 รายการ ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดจากการที่กรุงศรีได้มีระบบคัดกรองความต้องการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายอย่างมีประสิทธิภาพจึงช่วยเพิ่มโอกาสให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้พบคู่ค้าที่ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น”

“เราเชื่อว่าการเจรจาธุรกิจที่เกิดขึ้น จะช่วยสร้างเครือข่ายของธุรกิจไทยกับธุรกิจในเมียนมา ช่วยสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดทางการค้าที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการได้ขยายธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งได้รับทราบความต้องการของผู้ซื้อเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าชาวเมียนมาต่อไป โดยกรุงศรีพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ มุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าธุรกิจและพร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าสู่ภูมิภาคอาเซียน” นางสาวมันตินีกล่าวเสริม

นางจาชญา สงวนสัตย์  ประธานบริหารบริษัท Mingalar Alliance Co., Ltd. (เจ้าของ Thaitown supermarket) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “สินค้าของไทยนั้นเป็นที่นิยมและมีศักยภาพสูงในหมู่ผู้บริโภคชาวเมียนมามาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มของไทยซึ่งมีรสชาติถูกปากชาวเมียนมาและมีคุณภาพได้มาตรฐาน การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ Krungsri-Thaitown Matching Fair 2021 นี้ ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมจัดกิจกรรมกับกรุงศรีแต่ก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เปิดโอกาสให้สินค้าไทยได้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวเมียนมาได้มากขึ้น การวางขายที่ Thaitown supermarket ก็ยังช่วยให้ผู้ประกอบการได้ทราบผลตอบรับจากลูกค้าทันทีว่าสินค้าใดมีศักยภาพในตลาดเมียนมาและทาง Thaitown supermarket ก็พร้อมสนับสนุนโอกาสในการขายของผู้ประกอบการทั้งในช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Traditional Trade และ Modern Trade ให้ทั่วถึงในประเทศเมียนมา ความสำเร็จครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่กรุงศรีเองมีความเป็นมืออาชีพที่ช่วยคัดเลือกคู่ค้าที่ดี เหมาะสมและมีศักยภาพในการเติบโตในตลาดเมียนมา ส่งผลให้ Thaitown supermarket เองได้มีสินค้าที่หลากหลาย ตรงใจลูกค้าชาวเมียนมามากขึ้นทั้งกลุ่ม B2C และ B2B ด้วยเช่นกัน”