กลุ่มมิตรผลขึ้นแท่นผู้นำด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน อันดับ 3 ของโลก

กลุ่มมิตรผล ก้าวขึ้นสู่อันดับ 3 ด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development) ระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร จากการประเมินด้านความยั่งยืนขององค์กร หรือ Corporate Sustainability Assessment (CSA) โดย S&P Global โดยขยับขึ้นจากอันดับ 4 ในปี 2563 ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสังคมมากว่า 65 ปี ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำและยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานระดับโลก โดยในปีนี้ นับเป็นปีที่ 4 ที่กลุ่มมิตรผลได้เข้าร่วมการประเมินความยั่งยืนระดับสากล และมีผลงานที่ยอดเยี่ยมในหัวข้อหลักเรื่องเศรษฐกิจ-ธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมและสังคม ตลอดจนหัวข้ออื่นๆ ที่ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน อาทิ การบริหารจัดการนวัตกรรม การบริหารจัดการความเสี่ยงทรัพยากรน้ำ การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน และการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน เป็นต้น

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารกลุ่มมิตรผล เปิดเผยถึงผลการประเมินด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขององค์กรในครั้งนี้ว่า การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ทุกคนต้องปรับตัวอย่างมาก ดังนั้นการสร้างความยั่งยืนขององค์กร จึงไม่ได้เป็นแต่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ชาวไร่อ้อย คู่ค้า ลูกค้า ชุมชน สังคม และพนักงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ โดยต้องลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง ตามหลักปรัชญาของกลุ่มมิตรผล “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ความสำเร็จที่กลุ่มมิตรผลได้รับในปีนี้ สะท้อนถึงความตั้งใจของกลุ่มมิตรผลที่จะยกระดับองค์กรให้มีมาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากล โดยถึงแม้ว่ากลุ่มมิตรผลจะไม่ได้เป็นองค์กรที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้มีความโปร่งใสและมีมาตรฐานเดียวกับบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ เราจึงได้เข้าร่วมประเมินความยั่งยืนขององค์กรร่วมกับ S&P Global

การดำเนินงานเพื่อสร้างการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผล แบ่งออกเป็น 3 มิติ ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals: SDGs) โดยมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตให้กับทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่ทางธุรกิจ (Value Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่เริ่มตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพเกษตรกรสู่การเป็น Smart Farmer ที่สามารถคิดวิเคราะห์และปรับตัวโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการทำเกษตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างผลผลิตคุณภาพสูง การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน การบริหารจัดการโรงงานให้มีระบบการผลิตมาตรฐานระดับสากล ลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การดูแลและพัฒนาชุมชนรอบข้างในโครงการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน การจัดตั้งกองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทยสู้ภัย COVID-19 เพื่อช่วยเหลือสังคมไทยในด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ตั้งแต่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและผู้ที่ต้องกักตัว กลุ่มคนเปราะบาง คนไร้บ้าน เด็กและเยาวชน รวมถึงการนำองค์ความรู้ การวิจัย และนวัตกรรม มาปรับใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้อ้อยสู่ธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรม Bio-base ตลอดจนการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง และมีกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence)

จากความสำเร็จในการเป็นองค์กรไทยที่อยู่ในอันดับ Top 3 ด้านความยั่งยืนของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มมิตรผล ยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรและทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องต่อไป