บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินกิจการครบรอบ 60 ปี ในปีนี้ ได้พิสูจน์ความเป็นเลิศในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และไทยออยล์ยังตั้งเป้าที่จะก้าวไปสู่องค์กร 100 ปี พร้อมสร้างอนาคตบทใหม่สู่การเติบโตทางธุรกิจโดยอาศัยข้อได้เปรียบทางโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแรงในปัจจุบัน เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์องค์กร “Empowering Human Life Through Sustainable Energy and Chemicals – สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน”
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ที่ผ่านมา ไทยออยล์มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ที่เราวางไว้โดยอาศัยรากฐานที่มั่นคงจากธุรกิจหลัก (Building on Our Strong Foundation) ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน (3V) คือ 1) Value Maximization การต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าจากธุรกิจโรงกลั่นสู่ธุรกิจปิโตรเคมี 2) Value Enhancement การขยายตลาด ขยายกำลังการผลิต และขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาดต่างประเทศในระดับภูมิภาค เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น 3) Value Diversification การขยายสู่ธุรกิจอื่น รวมถึงธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า New venture หรือ New S-Curve ซึ่งจะช่วยต่อยอดกำไรให้มีเสถียรภาพ พร้อมขยายพอร์ตโฟลิโอและฐานกำไรกว้างยิ่งขึ้น
โดย บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทดแทน เพื่อสนับสนุนทิศทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ greenhouse gas (GHG) และเพิ่มธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น”
จะเห็นได้ว่า ไทยออยล์ ได้ดำเนินการขยายธุรกิจห่วงโซ่คุณค่าจากธุรกิจปิโตรเลียมไปยังธุรกิจปิโตรเคมี ทั้งสายอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ รวมถึงผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (HVP) โดยเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาด ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชีย ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนเข้าถือหุ้น 15.38% ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจรชั้นนำรายใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์และขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ทางธุรกิจ อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้แสวงหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจที่เป็น New S-Curve อย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนหลากหลายรูปแบบ เช่น การลงทุนในธุรกิจ Startup ผ่าน Corporate Venture Capital (CVC) หรือการลงทุนผ่านการร่วมลงทุน (JV) และ ควบรวมกิจการ (M&A) โดยมุ่งเน้นที่ธุรกิจ Manufacturing Technology, Green and Human Technology และ Hydrocarbon Disruption Technology