แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารปี 2565 ยังเป็นปีที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงของการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron และสายพันธุ์อื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัวดี อย่างไรก็ดีธุรกิจร้านอาหารก็ยังคงมีปัจจัยบวกสำคัญจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค อาทิ “มาตรการคนละครึ่งเฟส 4” ที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนมีนาคม – เมษายน 2565 จากปัจจัยดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารน่าจะกลับมาเติบโตประมาณ 5.0% – 9.9% (ส่วนหนึ่งเป็นผลของราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและเงินเฟ้อ) จากที่หดตัวในปี 2564 โดยกรอบประมาณการล่างได้คำนึงการระบาดของโควิดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้ทางการอาจจะมีการยกระดับมาตรการจำกัดการให้บริการในร้านอาหารเฉพาะพื้นที่ในบางช่วงเวลา
ธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 หากโควิด-19 ไม่กลับมาระบาดรุนแรงและยาวนาน จนนำไปสู่การยกระดับมาตรการจำกัดการให้บริการร้านอาหารที่เข้มข้นขึ้น คาดว่ามูลค่าธุรกิจร้านอาหารปี 2565 จะกลับมาขยายตัวเป็นบวก 5.0% – 9.9%
ภายหลังจากที่ภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการให้บริการในร้านอาหาร เห็นได้ว่าผู้บริโภคกลับไปใช้บริการภายในร้านอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าและแหล่งท่องเที่ยว ขณะเดียวกันผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารกลับมาทำตลาดมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นจัดส่งอาหารออนไลน์ที่ทำตลาดร่วมกับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารในการกระตุ้นยอดการใช้บริการ ทั้งนี้ หากสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้มีการแพร่ระบาดรุนแรงเป็นวงกว้าง จนก่อให้เกิดการยกระดับของมาตรการควบคุมห้ามนั่งทานอาหารภายในร้าน ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ อาทิ การกลับมาใช้ชีวิตประจำวันแบบมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภค การปรับราคาเมนูอาหารเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น การเร่งทำตลาดเพื่อชดเชยยอดขายที่หายไปของร้านอาหาร รวมไปถึงมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ธุรกิจร้านอาหาร (รวมร้านอาหารประเภทร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด และร้านอาหารข้างทางหรือ Street Food ที่มีหน้าร้าน) ในปี 2565 น่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ โดยธุรกิจร้านอาหารจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3.78 – 3.96 แสนล้านบาท หรือพลิกกลับมาขยายตัว 5.0% – 9.9% จากที่หดตัว 11.0% ในปี 2564 แต่เป็นการขยายตัวเฉพาะกลุ่มหรือประเภทร้านอาหาร เนื่องจากในแต่ละประเภทของร้านอาหารยังมีปัจจัยเฉพาะที่ต่างกัน
- ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) น่าจะเห็นการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยกลุ่มร้านอาหารที่จะทยอยกลับมาฟื้นตัวก่อนจะเป็นกลุ่มร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงในพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยในฤดูท่องเที่ยว อาทิ อยุธยา บางแสน พัทยา หัวหิน นครปฐม เป็นต้น ขณะที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณอาคารสำนักงานน่าจะฟื้นตัวจำกัด เนื่องสถานที่ทำงานหลายแห่งยังคงการทำงานแบบ Hybrid Working และ Work from home ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้จึงยังคงต้องพึ่งช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักเพื่อสร้างรายได้ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบจะมีมูลค่ายอดขายอยู่ที่ประมาณ31 – 1.42 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัว 10.0% – 19.5% โดยเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่หดตัวรุนแรงในปีก่อน
- ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service Restaurants) การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาในกลุ่มอาหารจานด่วน และร้านอาหารขนาดเล็กที่คาดว่าจะเปิดตัวมากขึ้นกว่าปี 2564 อาทิ กลุ่ม ร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน รวมถึงร้านอาหารรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความคล่องตัวสูง โดยมีพื้นที่เป้าหมายเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยและปั๊มน้ำมันทั้งในกรุงเทพฯรอบนอก ปริมณฑลและหัวเมืองหลัก นอกจากนี้ในปี 2565 คาดว่าผู้ประกอบการร้านอาหารในกลุ่มนี้น่าจะทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นจัดส่งอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้วช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักจะเป็นช่องทางรายได้ที่สำคัญของร้านอาหารประเภทนี้ ด้วยมุมมองดังกล่าวทำให้คาดว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6.4 -6.8 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 4.6% – 11.8% อย่างไรก็ดี ร้านอาหารกลุ่มนี้ยังมีความท้าทายในด้านการบริหารจัดการช่วงเวลาเร่งด่วน ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากในหลายช่องทาง เนื่องจากทรัพยากรแรงงานและพื้นที่ที่มีจำกัด ทำให้อาจเกิดภาวะคอขวดในกระบวนการต่างๆ ภายในร้านขึ้นได้
- ร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องและกลุ่มร้านอาหารข้างทางยังได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ โดยคาดว่าร้านอาหารประเภทดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่าย และราคาไม่สูง ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาขยายฐานการตลาดในเซ็กเมนต์นี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าธุรกิจร้านอาหารข้างทางที่มีหน้าร้าน ในปี 2565 จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 84 -1.86 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 2.0% – 3.0% อย่างไรก็ดี ร้านอาหารในกลุ่มนี้ มีความหนาแน่นของผู้เล่นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง และมีการหมุนเวียนเข้าออกของผู้เล่นสูง
ทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง ผู้ประกอบการรายใหญ่ขยายฐานธุรกิจร้านอาหารมากขึ้น ขณะเดียวกันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจร้านอาหาร
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีผลทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีการปรับตัวค่อนข้างมากทั้งช่องทางการขายที่พึ่งช่องทางเทคโนโลยีมากขึ้น กอปรกับรูปแบบการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป สำหรับสภาพแวดล้อมของธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ที่น่าสนใจมีดังนี้
ผู้ประกอบการปรับมาใช้โมเดลร้านอาหารขนาดเล็กเพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยง รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาผสานเป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่ธุรกิจร้านอาหาร โดยคาดว่าในปี 2565 ผู้ประกอบการจะปรับ Position และรูปแบบการขยายสาขามาใช้โมเดลร้านอาหารแบบโมบายสโตร์ (Mobile Store) ซึ่งมีความคล่องตัวสูง ใช้เงินลงทุนจำกัด และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างหลากหลาย อาทิ ครัวกลาง (Cloud kitchen) ร้านค้าขนาดเล็กที่มีลักษณะเป็นซุ้ม หรือเคาน์เตอร์ขายอาหาร (Kiosk) เป็นต้น รวมถึงการผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการวัตถุดิบ การจองคิวและชำระเงิน รวมไปถึงโฆษณาทางการตลาด
ต้นทุนธุรกิจที่คาดว่าจะทรงตัวสูงต่อเนื่องทั้งปี ขณะที่การปรับเพิ่มราคาขายยังทำได้จำกัด สร้างแรงกดดันต่อกำไรสุทธิของผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยนอกจากค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและค่าเช่าพื้นที่ที่ยังคงทรงตัวสูง ราคาวัตถุดิบสำคัญในธุรกิจร้านอาหาร อาทิ เนื้อสุกร เนื้อโค น้ำมันพืช อาหารทะเล และสินค้าสิ้นเปลืองต่างๆ ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากทั้งปัจจัยชั่วคราว ปัจจัยตามฤดูกาล และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร้านอาหารบางร้านได้เริ่มมีการปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจที่รุนแรงส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายเลือกที่จะแบกรับต้นทุนบางส่วนเพื่อรักษาฐานลูกค้าและยอดขายของร้านไว้ หรือเลือกปรับเมนูและประหยัดค่าใช้จ่ายด้านอื่นทดแทน
ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมขยายการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารมากยิ่งขึ้นทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอกและปริมณฑล รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยในปี 2565 น่าจะยังเห็นการเข้ามาลงทุนในธุรกิจร้านอาหารของผู้ประกอบการรายใหญ่ต่อเนื่อง โดยเป็นรูปแบบการสร้างแบรนด์ใหม่ รวมถึงการเข้าซื้อธุรกิจร้านอาหารที่มีชื่อเสียงและมีฐานลูกค้าเป้าหมายอยู่ในตัว ร่วมกับการทำพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจ อาทิ แพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ แพลตฟอร์ม E-payment เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ด้วยการรวมร้านอาหารมาเปิดในพื้นที่เดียวกัน หรือเป็นรูปแบบศูนย์รวม (Hub) ของแบรนด์ร้านอาหารในพอร์ตของผู้ประกอบการ เพื่อรองรับการจัดส่งไปพื้นที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
ความเสี่ยงของโควิดที่ยังมี ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องรักษาสมดุลของช่องทางการขายและเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ ไปยังสินค้าอื่นๆ มากยิ่งขึ้น อาทิ การขยายไลน์สินค้าในหมวดวัตถุดิบ เครื่องปรุง และอาหารพร้อมปรุง (Meal Kits) เพื่อตอบสนองกับกลุ่มผู้บริโภคที่หันมาทำอาหารทานในที่พักมากยิ่งขึ้น และถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะทยอยกลับเข้ามาทานในร้านอาหาร แต่ความคุ้นชินของผู้บริโภคที่มีต่อแพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร ก็ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารยังคงต้องบริหารจัดการและรักษาสมดุลของช่องทางการขายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพ
โดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ภาพรวมทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 จะกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่หดตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีก่อนหน้า แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารยังคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อลดผลกระทบจากทั้งปัจจัยท้าทายในธุรกิจ อาทิ ต้นทุนทางธุรกิจที่ยังทรงตัวสูง ทั้งราคาวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค ค่าเช่าพื้นที่ เป็นต้น รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างร้านอาหารในเกือบทุกประเภทและระดับราคา นอกจากนี้ เทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ได้มีรูปแบบตายตัวและเปลี่ยนแปลงตามกระแสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจให้สามารถปรับตัวตามกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเร่งทำการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ ขณะที่ การสร้างความร่วมมือกับผู้เล่นทั้งในกลุ่มและนอกกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร อาทิ แพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร บัตรเครดิต ห้างสรรพสินค้า และองค์กรต่างๆ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญการรักษามาตรการรักษาความสะอาดยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้บริการในภาวะที่ยังมีการแพร่ระบาดอย่าง ต่อเนื่องเช่นนี้