SC ปลื้มนักลงทุนตอบรับหุ้นกู้เกินเป้า ปี 2565 มั่นใจเติบโตต่อเนื่อง

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและส่งมอบ Living Solutions เพื่อทุกเช้าที่ดี” หรือ SC ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกรายที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้เกินกว่าเป้าที่คาดหมายแม้อยู่ในช่วงท่ามกลางความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย เผยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้ไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายหุ้นกู้เป็นครั้งแรก ของปี 2565 อายุหุ้นกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.04% ต่อปี เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 25 -27 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยผู้ลงทุนสถาบันได้แจ้งความประสงค์ลงทุนในหุ้นกู้มากว่า 5 เท่าเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นกู้ที่บริษัทตั้งใจเสนอขายครั้งแรกที่ 1,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทตัดสินใจนำหุ้นกู้ที่สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมจำนวน 1,000 ล้านบาทมาใช้ รวมมูลค่าที่เสนอขายทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท แม้จะอยู่ในช่วงความผันผวนของตลาดการเงินที่มีข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆ แต่ผู้ลงทุนสถาบันยังให้การตอบรับที่ดีมาก

บริษัทขอขอบคุณผู้ลงทุนสถาบันทุกรายที่ให้ความไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทในครั้งนี้ และสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต ที่มีส่วนสำคัญให้การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยทางบริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้และใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ เช่น ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการตามแผนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ในใจของผู้ซื้อบ้านทุกคน

นายอรรถพลกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน SC ใช้แหล่งเงินทุนจากทั้งเงินกู้ยืมสถาบันการเงินและการออกตราสารหนี้ในรูปหุ้นกู้และตั๋วบีอี ในสัดส่วนโดยเฉลี่ย 50:50 ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินเป็นอย่างดีตลอดมาจากสถาบันการเงินต่างๆและรวมถึงผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นในการดำเนินงานและสถานะการเงินที่มั่นคงของบริษัท โดยบริษัทยังมีความต้องการใช้เงินทุนเพื่อลงทุนซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการใหม่รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จะต้องบริหารควบคู่ไปกับการดำรงสภาพคล่องและระดับภาระหนี้ที่เหมาะสมด้วย