ลีสซิ่งกสิกรไทยประกาศผลงานปี 64 ขยายฐานสินเชื่อไปแตะระดับ 121,166 ล้านบาท โต 5.46% ด้านยอดปล่อยสินเชื่อใหม่โต 32% สวนทางตลาดรถยนต์ในปีที่ผ่านมาที่ยังติดลบ เดินหน้าปี 65 อัดแคมเปญเชิงรุก เสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่ม เปิดแคมเปญสอดรับนโยบาย Green Zero ออกรถ BEV ใหม่ขับฟรี 3 เดือน พร้อมชูจุดแข็งด้านเครือข่ายบริการและฐานลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย พร้อมขยายช่องทางบริการออนไลน์และพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลร่วมกับพันธมิตรทำการตลาดเอาใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ ลีสซิ่งกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ใหม่ปี 2564 ที่ผ่านมา มียอดจำหน่าย 759,119 คัน หดตัวถึง 4.2% เมื่อเทียบปี 2563 อันเนื่องมาจากปัจจัยลบสำคัญ 2 ด้าน คือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นและปัญหาการขาดแคลนชิปอิเล็กทรอนิกส์ทำให้รถยนต์บางรุ่นในบางยี่ห้อต้องหยุดผลิตลงเป็นระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปี 2565 สถานการณ์ต่างๆ มีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้ตลาดรถยนต์โดยรวมทั้งตลาดจะมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนโควิด คาดการณ์ยอดขายรถยนต์รวมปีนี้ จะอยู่ที่ 800,000–850,000 คัน หรือขยายตัวที่ 5.4%-12.0% โดยกลุ่มรถยนต์ที่มีปัจจัยบวกคือกลุ่ม BEV (Battery Electric Vehicle) จากมาตรการภาครัฐที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการซื้อรถยนต์ BEV ในประเทศ โดยคาดการณ์ยอดขายปี 2565 ที่ 4,000-5,000 คัน ขยายตัวจากปีที่ผ่านมา 104.7%-155.9%
สำหรับผลประกอบการของลีสซิ่งกสิกรไทย ในปี 2564 สามารถขยายฐานสินเชื่อหรือยอดคงค้างสินเชื่อ (Outstanding Loan) ขึ้นมาที่ 121,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5.46% โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อรถใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 32% สวนทางกับตลาดยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2564 ที่ติดลบ 4% ด้านสินเชื่อรถช่วยได้เติบโตที่ 31% ผลการดำเนินงานดังกล่าว มาจากกลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ขยายการให้บริการไปยังกลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้น รวมถึงลูกค้าฐานรากทั้งประเภทเช่าซื้อและจำนำทะเบียน นอกจากนั้นถึงแม้บริษัทได้เพิ่มบริการสินเชื่อรถใช้แล้วผ่านช่องทางเต็นท์รถยนต์ ซึ่งปกติจะมีความเสี่ยงสูงมาก แต่บริษัทได้วางกรอบนโยบายเครดิตที่ทำให้สามารถควบคุมความเสี่ยงและตอบโจทย์ผู้ซื้อและผู้ขายรถยนต์ทั้งดีลเลอร์รถใหม่และรถใช้แล้ว รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสามารถแบ่งเบาภาระเป็นจำนวนเกือบ 5 หมื่นราย ส่งผลให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 2564 อยู่ที่ 1.12% ดีกว่าปีก่อนอยู่ที่ 0.20% ทั้งยังได้ทำการปรับปรุงกระบวนการทำงานและควบคุมค่าใช้จ่ายดีขึ้นส่งผลให้บริษัทมีกำไร 1,710 ล้านบาท เติบโต 52.86%
นายธีรชาติ กล่าวตอนท้ายว่า สำหรับไตรมาสที่สองเป็นต้นไป ลีสซิ่งกสิกรไทยจะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง บริษัทเตรียมออกโครงการพิจารณาสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มเครดิตสกอริ่งตัวใหม่ และทางช่องทางดิจิทัลที่จะตอบสนองฐานลูกค้าธนาคารกสิกรไทยให้ได้รับการอนุมัติง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น