กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เผยแผนธุรกิจ 5 ปี ตั้งเป้าเป็นธุรกิจชั้นนำในตลาดโลก มุ่งมั่นส่งมอบสินค้าผ่านโซลูชันที่ทันสมัยและบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า ขยายสาขาบิ๊กซีเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ พร้อมตอบแทนสังคมไทยอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
ทั้งนี้ บริษัท วางแผนรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาโดยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่เข้าใช้บริการว่าบริษัทมีการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดและได้มาตรฐาน รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าแบบออนไลน์และจัดส่งถึงหน้าบ้านได้อย่างถูกต้องและตรงเวลา และสำหรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ระดับราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะสงครามยูเครน – รัสเซีย ส่งผลต่อธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจกระป๋อง บริษัทจึงเดินหน้าเพื่อบริหารจัดการต้นทุนการผลิต โดยการมุ่งเน้นที่การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต รวมทั้งมีการบริหารจัดการความเสี่ยงในเรื่องราคาของวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน บริษัท วางแผนขยายสาขา บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต ในชื่อ “Big C Place” ในกรุงเทพฯ เสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ภายในระยะเวลา 5 ปี และจะรีโนเวท บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต 90 สาขา ทั่วประเทศภายใน 2565 –2569 เพื่อพัฒนาปรับปรุงสาขาให้ดูทันสมัย เพิ่มร้านอาหารชื่อดังตอบสนองความต้องการทั้งของครอบครัวและคนรุ่นใหม่ทุกเพศทุกวัย เพิ่มพื้นที่ co working space และ relax zone เพื่อทำให้เป็นจุดหมายของคนรุ่นใหม่ พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของชุมชนตลอดจนการช่วยเหลือผ่านการเข้าซื้อโดยตรงจากเกษตรกรท้องถิ่น และการใช้เทคโนโลยีโมเดลธุรกิจ O2O (Online to Offline) เป็น การผสมผสานระหว่างธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์เพื่อสร้างจุดแข็งในการแข่งขันในอนาคต รวมทั้งการสร้าง New Business Model ให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าขนาดใหญ่และเข้าถึงลูกค้าระดับชุมชน อาทิเช่น เอ็มเอ็ม ฟู้ดเซอร์วิส และธุรกิจร้านค้า “โดนใจ”
ในกลางปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโมเดลธุรกิจเอ็มเอ็ม ฟู้ดเซอร์วิส (MM Food Service) ในประเทศไทยสาขาแรกที่โชคชัย 4 เป็นร้านธุรกิจรูปแบบขายส่ง ด้วยกลุ่มสินค้ากว่า 6,000 รายการ ครบจบในที่เดียว มุ่งเป้าหมายไปที่ลูกค้ากลุ่มโรงแรมและร้านอาหารเป็นหลักที่ต้องซื้อสินค้าในครั้งละจำนวนมาก และวางแผนเปิดสาขาเพิ่มภายในปี 2569 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา สำหรับธุรกิจร้านค้า “โดนใจ” ที่บริษัทได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน ร้านค้า ผู้ประกอบการ โชห่วย ร้านค้ารายย่อย กว่า 498 ราย (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 65) ให้ดำเนินธุรกิจได้และมีรูปแบบที่ทันสมัย แต่ยังคงความเป็นเจ้าของร้านค้าของผู้ประกอบการนั้น
นอกจากนี้ “บริษัทฯ ตอกย้ำการดำเนินกิจการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการครบวงจร ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน 4 ด้าน ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม สาธารณสุขชุมชน และการศึกษา โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา บีเจซี ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืน อาทิ Dow Jones Sustainability Indices of Silver Class 2022, FTSE4Good, THIS Thailand Sustainability Investment 2021 และ ESG100 เป็นต้น รวมถึงกิจกรรม พี่หมีบิ๊กกี้ ชวน recycle, ช่วยเหลือภาครัฐและเอกชนสนับสนุนอุปรณ์ทางการแพทย์และสร้างโรงพยาบาลเพื่อเป็นศูนย์รักษาผู้ป่วยโควิด-19, ช่วยเหลือมูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย และช่วยเหลือโรงเรียนต่างๆ ในชุมชน เป็นต้น และตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และ การใช้ผลิตภัณฑ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มแหล่งกักเก็บ และ ดูดซับคาร์บอน เป็นต้น” นายอัศวิน กล่าว