MQDC เดินหน้าสู่ธุรกิจแห่งอนาคต พัฒนาโครงการเมตาเวิร์สเพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่ใช่เพียงแค่อสังหาริมทรัพย์
บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ประกาศความร่วมมือกับเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทผู้ให้บริการด้านพัฒนาธุรกิจชั้นนำระดับโลก เพื่อพัฒนา Metaverse ให้กับ MQDC ซึ่งเป็นโครงการที่จะมอบประสบการณ์เชื่อมต่อระหว่างโลกความจริงและโลกเสมือนที่นำมาซึ่งความสุขอันยั่งยืนสมบูรณ์แบบเหนือจินตนาการ
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่ทำให้ MQDC เดินหน้าขยายองค์กรไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยธุรกิจ Metaverse นี้จะทำให้ MQDC ไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สร้างประสบการณ์ใหม่ไร้ขีดจำกัดให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ ตลอดจนพันธมิตรและผู้ที่สนใจเข้าร่วมในโลกแห่งนวัตกรรมใหม่ที่เชื่อมต่อโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย”
“ภายใต้แนวคิด “For All Well-Being” เราเชื่อว่าความมุ่งมั่นในการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีใหม่ ผสานเข้ากับความคิดนอกกรอบ ซึ่งเป็นทิศทางการทำงานของ MQDC มาโดยตลอดนั้น ทำให้เราเป็นผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยี เพื่อนำความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนมาสู่ผู้คน สังคม และทุกสิ่งบนโลกได้อย่างไร้ขีดจำกัดในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงโลก” นายวิสิษฐ์ กล่าว
ในอนาคต โครงการเมตาเวิร์ส ของ MQDC นี้ จะเชื่อมต่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล “ทรานสลูเซีย เมตาเวิร์ส (Translucia Metaverse)” ซึ่งโครงการเมกะเมตาเวิร์สนี้ ริเริ่มก่อตั้งและดำเนินการโดยบริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงและซีรี่ส์แอนิเมชั่นระดับโลก
“เราเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการทรานสลูเซีย เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาโลกเมตาเวิร์สของเรา ให้เป็นโลกใหม่ที่เป็นสังคมที่อบอุ่นและเปี่ยมสุขยั่งยืน” นายวิสิษฐ์ กล่าว
นายภารุต กล่าวเพิ่มเติมว่า “แนวคิดของโครงการนี้ แบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ส่วนแรกคือการมอบประสบการณ์เหนือจินตนาการให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้บริการเดิมหรือลูกค้ารายใหม่ ส่วนที่สองจะเป็นการพัฒนาพื้นที่ใหม่ให้กับคนที่มีความสนใจที่จะเข้าร่วมพัฒนาธุรกิจบนเมตาเวิร์ส และสุดท้ายการสร้างพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไปที่สนใจได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์แบบไฮบริดที่ยังไม่เคยมีที่ไหนในโลก”
“เรามีความมั่นใจในการพัฒนาโครงการนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีตลอดจนมีความเข้าใจในการพัฒนาเมตาเวิร์สเป็นอย่างดีของเอคเซนเชอร์ จะทำให้โครงการเมตาเวิร์ส ของเราสามารถสร้างคุณค่าและคุณประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการได้อย่างเต็มที่ โดยจะได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า มอบโลกใหม่ที่สมบูรณ์แบบให้ความรู้สึกดื่มด่ำเหนือจินตนาการ มีความเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมแบ่งปันความสุขอันยั่งยืนได้ตามพันธกิจหลักของเราได้อย่างแน่นอน” นายภารุต กล่าว
“ด้วยการก่อตั้งกลุ่มธุรกิจ Metaverse Continuum ขึ้น ทำให้เราได้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดแผนงานและ สนับสนุนธุรกิจต่าง ๆให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างเต็มที่ เราหวังว่าเราจะสามารถสนับสนุน MQDC ในการพัฒนาโครงการเมตาเวิร์สให้เป็นสังคมแห่งเศรษฐกิจยั่งยืนและเปี่ยมสุข โดยผู้ใช้บริการสามารถใช้งานในพื้นที่นี้ได้อย่างหลากหลายและมีอำนาจกำหนดทางเลือกให้ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงาน เลือกใช้ชีวิต เลือกทำกิจกรรมได้และเรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการได้ตามความต้องการ ในขณะที่มีส่วนร่วมสร้างชุมชนและวัฒนธรรมในแบบของตน อีกทั้ง ความร่วมมือครั้งนี้จะนำมาซึ่งโครงการตัวอย่างชั้นเยี่ยมสำหรับวงการเมตาเวิร์ส ที่จะได้เห็นว่าการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถสร้างคุณค่าเชิงธุรกิจและมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างไร”
นอกเหนือจากโครงการ Translucia Metaverse แล้ว MQDC ยังได้ร่วมเป็นหนึ่งใน 11 พันธมิตรของ ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอลในการร่วมออกยูทิลิตี้ โทเคน Crown Token ซึ่งเทรดบนแพลตฟอร์ม ZIPMEX เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง Crown Token ถือว่าเป็นยูทิลิตี้ โทเคน ที่ได้รับการพัฒนาบนระบบอีโคซิสเต็มครบวงจร ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรในไทยและนานาประเทศทั่วโลกจากหลากหลายวงการทั้งธุรกิจบันเทิง ฟินเทค อีสปอร์ต และสถาบันการศึกษา รวมทั้งยังเชื่อมโยงกับผลงานทรัพย์สินทางปัญญาที่พัฒนาโดยทีแอนด์บีและพันธมิตรอีกด้วย
นายวิสิษฐ์ กล่าวในตอนท้ายว่า “ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา MQDC ได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อพัฒนาโครงการต่าง ๆ ทั้งด้านโครงการอสังหาริมทรัพย์และด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาจนถึงโครงการล่าสุดระดับโลกอย่าง Metaverse ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามพันธกิจ “For All Well-Being” ที่ต้องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกชีวิตบนโลกใบนี้”