ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ เปิดเวทีสัมมนารับฟังความคิดเห็นตามโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมประกันภัยปรับเปลี่ยนองค์กร (Transformation) เป็น Digital Insurance ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ (Grand Richmond Hotel) จังหวัดนนทบุรี
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลการศึกษาเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมประกันภัยปรับเปลี่ยนองค์กรเป็น Digital Insurance ในเบื้องต้น พร้อมทั้งเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย สมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย สภาองค์กรของผู้บริโภค สมาคมโรงพยาบาลเอกชน เป็นต้น โดยการสัมมนาเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง จัดขึ้น 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของที่ปรึกษาศศินทร์ฯ แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ ด้านที่ 1 การกำกับดูแล เสนอแนะให้กำกับดูแลให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมมีสภาพแวดล้อมที่สามารถแข่งขันได้เท่าเทียมกัน อาทิ การเปิดเสรีให้มีการแข่งขันกับต่างประเทศ หรือการแข่งขันระหว่างบริษัทประกันภัยดิจิทัล และบริษัทประกันภัยแบบดั้งเดิม เช่น การขออนุมัติหรือการมี Fast Track ในการทดสอบผลิตภัณฑ์ และควรดึงดูดบริษัทประกันภัยต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศ รวมทั้งควรเพิ่มความยืดหยุ่นในการกำกับดูแลเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของธุรกิจและนวัตกรรมดิจิทัลในอนาคต โดยเสนอแนะให้สำนักงานฯ เร่งดำเนินการตามแผนการปรับการกำกับดูแล ให้เป็น Principle หรือ Objective Based มากขึ้น เช่น การกำกับดูแลแบบ Portfolio ตามระดับชั้นของความสามารถความเสี่ยงและความเข้มแข็งทางการเงินรวมทั้งขั้นตอนการอนุมัติผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเน้นความเสถียรของระบบและความปลอดภัยมากกว่ารายละเอียดปลีกย่อย
“การสัมมนาครั้งนี้นอกจากเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมประกันภัยไทยแล้ว ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการธุรกิจประกันภัยในมิติต่าง ๆ และการพัฒนาองค์กรให้สามารถเผชิญกับบริบทของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที โดยจากการแสดงความคิดเห็น มีข้อเสนอแนะในทิศทางที่สอดคล้องกันคือ เห็นความสำคัญที่บริษัทประกันภัยจะต้องปรับเปลี่ยนองค์กรเป็น Digital โดยควรมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนงานของระบบประกันภัย (End-to-End Process) และควรต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงเรื่อง IT Security โดยเห็นว่าที่ผ่านมาโครงการ OIC Sandbox ของสำนักงาน คปภ. เป็นประโยชน์อย่างมากต่อภาคธุรกิจประกันภัย
สำหรับประเด็นที่เกี่ยวกับจำนวนของผู้ประกอบการในธุรกิจประกันภัยที่เหมาะสม ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาเห็นว่าควรต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการผูกขาด และการแข่งขันในธุรกิจ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้เสียผลประโยชน์ และสำนักงาน คปภ. ควรมีการกำกับดูแลที่เป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ที่มาจากกลุ่ม Start-up เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ร่วมสัมมนาเห็นตรงกันว่าการควบรวมกิจการของบริษัทประกันภัย เป็นปัจจัยที่จะสร้างจุดแข็งให้กับบริษัทในการ Transform เป็น Digital Insurer เป็นต้น ทั้งนี้ทีมที่ปรึกษาโครงการจะได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมสัมมนาไปเพิ่มเติมและปรับปรุงผลการศึกษาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อจะได้ใช้เป็นแนวทางในการกำกับดูแลให้อุตสาหกรรมประกันภัยก้าวสู่การเป็น Digital Insurance อย่างแท้จริง และเกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย