บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับ Social Value Thailand เผยผลการประเมินผลตอบแทนทางสังคม(Social Return on Investment : SROI) ของโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสุกรคอนแทรคฟาร์มมิ่งของบริษัท คิดเป็นมูลค่ารวม 4,574 ล้านบาท หนุนเกษตรกรและครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่มั่นคง และยังส่งผลดีต่อการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และความยั่งยืนสิ่งแวดล้อม สอดรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)
นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ร่วมกับ Social Value Thailand องค์กรชั้นนำด้านมาตรฐานการประเมินผลตอบแทนทางสังคมตามมาตรฐานสากล ได้ดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ หรือ ผลตอบแทนทางสังคม (Social Return on Investment : SROI) ของการดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรคอนแทรคฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) ของซีพีเอฟ คำนวณคุณค่าของโครงการที่สร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย ประกอบด้วย เกษตรกรในโครงการฯ ผู้ดำเนินงานของซีพีเอฟ ชุมชนและหน่วยงานภาครัฐ และ คู่ค้าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ซึ่งได้รับรองความถูกต้องของข้อมูลจากองค์กรภายนอก ทั้งนี้ พบว่า เกษตรกรที่ร่วมโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรฯ ประเภทประกันรายได้จำนวน 3,093 ราย ได้รับผลตอบแทนทางสังคม (SROI) 4.28 เท่า คิดเป็นมูลค่า 4,574 ล้านบาท แบ่งเป็นผลสัมฤทธิ์ด้านเศรษฐกิจมีมูลค่า 4,144 ล้านบาท เป็นสัดส่วนร้อยละ 91 ของผลสัมฤทธิ์ทั้งหมด ผลตอบแทนด้านสังคมมีมูลค่า 376 ล้านบาท ส่วนผลสัมฤทธิ์ด้านสิ่งแวดล้อมอีก 54 ล้านบาท
“การประเมินผลตอบแทนทางสังคมของโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสุกรคอนแทรคฟาร์มมิ่งของซีพีเอฟ ช่วยสะท้อนถึงความสำเร็จของโครงการฯ ที่รวมถึงผลลัพธ์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน อาทิ ความมั่นคงและโอกาสที่เกษตรกรและครอบครัวได้รับ รวมถึงช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และความมั่นคงด้านอาหาร สอดคล้องกับกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ อย่างโปร่งใสและรอบด้านอีกด้วย” นายสมพงศ์กล่าว
ผลตอบแทนในมิติเศรษฐกิจ นอกจากการมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงจากการเลี้ยงสุกรแล้ว โครงการฯ ยังช่วยลดความเสี่ยงเปรียบเทียบกับการเป็นผู้ประกอบการเอง มีตลาดรองรับสินค้าแน่นอน มีความรู้และเทคโนโลยีในการผลิตอาหารในด้วยมาตรฐานเดียวกับบริษัท ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคระบาด และยังมีค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการใช้พลังงานที่มาจากระบบก๊าซซีวภาพจากมูลสุกร (biogas)ทดแทนการใช้กระแสไฟฟ้า และที่สำคัญ จากการดำเนินโครงการฯ กับบริษัทฯ ช่วยให้เกษตรกรมีเครดิตในการเข้าถึงแหล่งทุนจากธนาคารได้ง่าย ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงินไม่ต้องกู้เงินแหล่งเงินนอกระบบในอัตราดอกเบี้ยสูง และช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจในสังคมควบคู่กัน
ในส่วนของ ผลตอบแทนในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เป็นผลจากเกษตรกรในโครงการฯ ได้รับการถ่ายทอดมีความรู้ด้านการจัดการฟาร์มเลี้ยงสุกรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือระบบกรีนฟาร์ม การติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพ (biogas) ในการบำบัดมูลสุกรและน้ำที่ใช้ในฟาร์ม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดผลกระทบจากกลิ่นกับชุมชน พร้อมกันนี้ น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจากระบบก๊าซชีวภาพให้กับเกษตรกรนำมาเพาะปลูกพืช ส่งผลให้ลดใช้ปุ๋ยเคมีและบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งได้
โครงการคอนแทรคฟาร์มของซีพีเอฟ ยังสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติได้ถึง 9 ข้อ ประกอบด้วย ข้อที่ 1 การขจัดความยากจน ข้อ 2 การขจัดความอดอยาก สร้างความมั่นคงทางอาหาร ข้อที่ 4 ส่งเสริมโอกาสการศึกษาที่มีคุณภาพ ข้อที่ 7 การเข้าถึงพลังงานที่ยั่งยืน ข้อที่ 8 การสร้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ข้อที่ 10 การลดความเหลื่อมล้ำ ข้อที่ 12 การส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ข้อที่ 13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และข้อที่ 15 การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืนของระบบนิเวศบนบก