รางวัลสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มดีเด่น สะท้อนสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในฟาร์มสัตว์ต่าง ๆ ทั่วโลก
วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 กรุงลอนดอน องค์กรการกุศลด้านฟาร์มเลี้ยงสัตว์ Compassion in World Farming International (CIWF) ต้อนรับการกลับมาของรางวัลสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มดีเด่น Good Farm Animal Welfare Awards อันทรงคุณค่า โดยรางวัลดังกล่าวถือเป็นสุดยอดของโครงการธุรกิจอาหารของ Compassion ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการแสดงศักยภาพของธุรกิจอาหารทั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพสัตว์อย่างแท้จริง มุ่งยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์ม ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของสัตว์ในฟาร์ม และใส่ใจในความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยในปีนี้ รางวัลสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มดีเด่น จะมอบให้แก่ผู้ชนะเลิศในสาขาต่าง ๆ แก่บริษัททั่วโลก รวมทั้งสิ้น 27 รางวัล ซึ่งคาดว่าจะเป็นคุณประโยชน์ต่อสัตว์มากกว่า 138 ล้านชีวิตในแต่ละปี
เมื่อครั้งที่ Compassion เปิดตัวโครงการธุรกิจอาหารเมื่อ 12 ปีก่อน ภารกิจของพวกเขาคือการยกระดับมาตรฐานขั้นพื้นฐานในการดูแลสัตว์ในฟาร์มตลอดห่วงโซ่อุปทานของบริษัทอาหารชั้นนำ โดยตระหนักถึงปัญหาเร่งด่วนของสภาพอากาศ ธรรมชาติ และวิกฤตสุขภาพ ซึ่งโครงการดังกล่าวกำลังพัฒนาเพื่อสรุปแนวทางสำหรับอนาคตของระบบอุตสาหกรรมอาหารแบบองค์รวม กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฟาร์มปศุสัตว์ ลดการพึ่งพาอาหารจากสัตว์ และเดินหน้าสู่การทำการเกษตรที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและปฏิรูปมากขึ้น
ทั้งนี้ผู้ได้รับรางวัลหลายบริษัทในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวทางดังกล่าวในปีนี้ มีบริษัท 2 แห่งที่ได้รับรางวัล Sustainable Food and Farming Awards ได้แก่ บริษัท Hilltribe Organics Ltd (กลุ่ม Producer Award) และ บริษัท Laiteries H. Triballat-Rians (กลุ่ม Corporate Award) รางวัลนี้จัดทำขึ้นเพื่อยกย่องทั้งผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจผลิตเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นมและไข่ อย่างมีจริยธรรมโดยมีแนวทางปกป้อง ปรับปรุง และฟื้นฟูสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม
บริษัท Hilltribe Organics Ltd (HTO) เป็นกิจการเพื่อสังคม ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อดูแลหมู่บ้านเกษตรกรรมในพื้นที่ชนบทในประเทศไทยผ่านการเกษตรแบบอินทรีย์และแบบปฏิรูป โมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของ HTO ได้ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17 เป้าหมายของ UN เกี่ยวกับมุมมองต่าง ๆ ของห่วงโซ่คุณค่าได้มากกว่าสองในสาม บริษัทไม่เพียงแต่ช่วยให้เกษตรกร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง สามารถเข้าถึงการผลิต โดยการจัดหาแม่ไก่และอาหารสัตว์ แต่ยังช่วยทำการตลาดไข่ออร์แกนิกให้กับผู้บริโภคและผู้ค้าปลีกอีกด้วย ทำให้ชาวเขาในชุมชนมีรายได้ประจำและสร้างความมั่นคงทางการเงินแก่พวกเขา
HTO ผลักดันการผลิตและการตลาดไข่ออร์แกนิก โดยได้ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงอย่างมีนัยสำคัญ (ลดลง 70% และ 80% ตามลำดับ) ส่งผลให้ดิน น้ำ และอากาศสะอาดขึ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมการปลูกป่าและการปลูกทดแทนใหม่โดยใช้สภาพทางนิเวศวิทยาเกษตรในท้องถิ่นอย่างเต็มที่ แม่ไก่ถูกเลี้ยงบนเนินเขาที่มีต้นไม้มากมาย ทั้งยังมีที่กำบังพักพิง โดยไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ HTO ได้ปลูกขมิ้นเพื่อปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของแม่ไก่ให้มีภูมิคุ้มกันที่ดีอีกด้วย กิจการเพื่อสังคมนี้เป็นแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงและเป็นโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งสามารถขยายและนำไปใช้ในส่วนอื่น ๆ ของโลกได้
มร. Richard Blossom ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ HTO กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล CIWF Sustainable Food and Farming Award เราเชื่อเสมอมาในเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ขั้นสูงสุด และการทำเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน ซึ่งวิถีเหล่านี้สามารถเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและชาวเขา ในขณะที่ยังช่วยสนับสนุนรูปแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นโมเดลธุรกิจของ HTO เริ่มดึงดูดลูกหลานชาวนาให้กลับมาที่เนินเขาอีกครั้ง ฟาร์มของเราต้องการใช้ที่ดินไม่มากเมื่อเทียบกับการใช้ทำการเกษตรอื่น ๆ ทั้งยังช่วยปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในพื้นที่รอบ ๆ ฟาร์มของเรา รางวัลนี้จะช่วยให้เราพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชาวเขาต่อไป เพื่อเพิ่มตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ (ลดการใช้ปุ๋ยเคมี/ยาฆ่าแมลง) และเสริมสร้างรูปแบบธุรกิจนี้จนถึงจุดที่เราจะขยายไปสู่ตลาดใหม่ได้”
ดร. Tracey Jones ผู้อำนวยด้านธุรกิจอาหารที่ Compassion กล่าวว่า “รางวัลประจำปีนี้เป็นแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงที่มีต่อบริษัทต่าง ๆ ที่แสดงความเป็นผู้นำและกระตุ้นบริษัทต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกต้องเผชิญกับภัยร้ายแรงหลังการระบาดใหญ่ ทั้งตอนนี้ยังเกิดภาวะสงครามขึ้นในประเทศยูเครนอีก ซึ่งความก้าวหน้าของการดูแลสวัสดิภาพสัตว์อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่ง ในขณะที่ความคืบหน้าในการใส่ใจในการผลิตอาหารแห่งอนาคตเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญ ที่ส่งสัญญาณว่าอุตสาหกรรมอาหารพร้อมที่จะเดินหน้าสู้กับหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา นั่นคือวิธีสร้างระบบผลิตอาหารที่มีมนุษยธรรม ยั่งยืน และยืดหยุ่นพร้อมที่จะปรับตัวสำหรับทุกคน”