นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ทุ่มงบกว่า 1,400 ล้านบาท เปิดตัวโครงการบ้านคุณภาพในทำเลฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ลลิลทาวน์ ชัยพฤกษ์-ไทรน้อย ซึ่งกวาดกำลังซื้อย่านนนทบุรี เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสในเรื่องทำเลที่มีศักยภาพและโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ สู่มือผู้บริโภค โดยยังคงมุ่งเน้นนำเสนอบ้านคุณภาพเพื่อเจาะกลุ่ม real demand สืบเนื่องจากความต้องการของตลาดกลุ่มนี้ซึ่งยังมีปริมาณความต้องการที่ชัดเจน แม้จะมีสถานการณ์การของแพร่ระบาด “กว่า 30 ปีที่บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ป้อนสู่ตลาด เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเรากำลังสร้างบ้านสำหรับใคร สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เราคิดอยากจะทำ แต่สิ่งต่างๆที่หลอมรวมออกมาเป็นบ้านทุกหลัง เราสร้างบนพื้นฐานความต้องการของผู้บริโภคเป็นสำคัญ และนำมาต่อยอดให้ความต้องการเหล่านั้นครบครันยิ่งขึ้น ด้วยการมองเทรนด์ในอนาคตเพื่อให้การอยู่อาศัยในทุกโครงการของเราสมบูรณ์แบบที่สุด” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าวถึงความตั้งใจในการพัฒนาบ้านเพื่อผู้บริโภค
ด้วยพลังสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยในแต่ละยุค ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จึงได้นำจุดแข็งที่มี คือการออกแบบที่ผสานความสวยงามเข้ากับการสร้างสรรค์พื้นที่ใช้สอยไว้อย่างลงตัว เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค ที่สำคัญเมื่อบ้านเป็นที่ต้องการ มูลค่าในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในปี 2565 บริษัทฯ ได้ปรับโฉมแบรนด์บ้านกลุ่มแลนซีโอใหม่ทั้งหมด เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความหรูหราในสไตล์ฝรั่งเศส French Colonial Style ถือเป็นเทรนด์ยอดนิยมของผู้บริโภคไทยในปัจจุบัน พร้อมทั้งใส่แนวคิดบ้านนวัตกรรม LI (Lalin Innovation for Living) ที่นำไปสู่การอยู่อาศัยในรูปแบบสมาร์ท ลีฟวิ่ง ฟังก์ชัน (Smart Living Function) เพื่อมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่อย่างเหนือระดับ ทำให้ผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี และสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้แก่แบบบ้านในตลาดกับความพยายามครั้งใหม่ ที่มุ่งสร้างมาตรฐานการอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงานให้เกิดขึ้นจริงอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาสู่อัตลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน นอกจากความโดดเด่นด้านการออกแบบที่จะมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อของผู้บริโภคแล้ว ‘ทำเล’ ก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคด้วยเช่นกัน “หากผู้บริโภคเสิร์ชหาโครงการต่างๆ ของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะพบว่าโครงการของเราทั้งหมด ตั้งอยู่ในย่านชุมชนที่มีศักยภาพและพร้อมจะเติบโตจากปัจจุบันสู่อนาคต เพราะเราเชื่อว่าหากพัฒนาโครงการด้วยแนวคิดการออกแบบที่ดีมากเท่าไหร่ แต่โครงการดังกล่าวกลับไปตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่มีศักยภาพ มูลค่าโครงการในอนาคตก็จะลดลงตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องทำเล โดยโครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายการคมนาคมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง การขยายถนนเชื่อมต่อเส้นทางหลัก รวมถึงการพัฒนาโครงการระดับเมกกะโปรเจคทั้งของภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาสู่ย่านสำคัญของที่อยู่อาศัยคุณภาพที่ใกล้กรุงเทพฯ โดยฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ได้ถูกวางยุทธศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนสู่เมืองอัจฉริยะต้นแบบอีกด้วย” นายชูรัชฏ์ กล่าวถึงความสำคัญของทำเลที่มีผลโดยตรงต่อมูลค่าโครงการในอนาคต
โดยโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์แลนซีโอ คริป ชัยพฤกษ์-ไทรน้อย ที่มาในคอนเซ็ปต์ “Perfection of living” มีพื้นที่ใช้สอย 3 ห้องนอน พร้อมระเบียงชมวิว ,1 ห้องอเนกประสงค์ ,3 ห้องน้ำ ,1 ห้องรับแขก ส่วนเตรียมอาหารโดยครัวแยกเป็นสัดส่วน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4-7 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮมแบรนด์ ไลโอ ชัยพฤกษ์ – ไทรน้อย มีพื้นที่ใช้สอย 3 ห้องนอน ,1 ห้องอเนกประสงค์ ,2 ห้องน้ำ ,1 ห้องรับแขก พร้อมส่วนเตรียมอาหาร และจอดรถ 2 คัน มาพร้อม Flexible Function สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ หน้ากว้าง สามารถใช้สอยได้คุ้มค่าทุกตารางเมตร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Happiness of Living” ความสุขที่ลงตัวกับทุกความต้องการของการใช้ชีวิต ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2 ล้านบาท
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีการพัฒนาและคิดค้นในส่วนงานด้านการออกแบบให้ตรงใจผู้บริโภคอยู่เสมอ โดยคำนึงถึงการอยู่อาศัยที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน เพราะถือว่าเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ เราต้องการสร้างวิธีคิดและกำหนดมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาบ้านที่สามารถใช้พื้นที่ทั้งภายในและภายนอกได้จริง โดยใช้ประโยชน์จากการออกแบบมาเป็นตัวสร้างมูลค่าโครงการและต่อยอดความสุขในการอยู่อาศัยของลูกค้าทุกคนของเรา” ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าธุรกิจให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ โดยตั้งเป้าพัฒนาโครงการบ้านป้อนสู่ตลาดในปีนี้ให้ได้ 10-12 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าวสรุป
สอบถามและชมข้อมูล ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1778 หรือ https://www.lalinproperty.com/news/lalin-town-chaiyapruek-sainoi/