สมาคมประกันวินาศภัยไทย (Thai General Insurance Association: TGIA) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MoU) กับสถาบันประกันภัยไต้หวัน (Taiwan Insurance Institute: TII) ในความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนบุคลากรประกันภัย การศึกษาดูงานระหว่างองค์กร ร่วมจัดประชุม สัมมนา และแลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย เพื่อร่วมกันพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยของทั้งสององค์กร ขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยได้เรียนรู้ระเบียบปฏิบัติใหม่ ๆ
ปัจจุบัน (พ.ศ. 2565) ไต้หวันมีจำนวนบริษัทที่ประกอบธุรกิจประกันภัย จำนวน 44 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทประกันชีวิต 22 บริษัท บริษัทประกันวินาศภัย 19 บริษัท และบริษัทรับประกันภัยต่อ 3 บริษัท โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไต้หวันมีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขของขนาดอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยที่มีความใกล้เคียงกับประเทศไทยที่ปี 2564 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงประมาณ 2.6 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรของประเทศไต้หวันในปัจจุบันนั้นมีประมาณ 24 ล้านคน ในขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนประชากรประมาณ 66 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายในเรื่องของการประกันวินาศภัยของคนไต้หวันโดยรวมนั้นมากกว่าคนไทยถึงเกือบ 3 เท่า ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องของค่าครองชีพที่สูงกว่าและอีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องของการมองเห็นความสำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันวินาศภัยของคนไต้หวันที่มีมากกว่าด้วย
สำหรับสถาบันประกันภัยไต้หวัน (Taiwan Insurance Institute: TII) เป็นองค์กรการค้าที่ไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยมีพันธกิจที่สำคัญ คือ
- เพื่อทำหน้าที่เป็นคลังสมอง (Think Tank) ของหน่วยงานกำกับดูแลและอุตสาหกรรมประกันภัย
- เพื่อช่วยหน่วยงานกำกับดูแลในการศึกษาและกำหนดนโยบายด้านกฎระเบียบเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย
- เพื่อเป็นเวทีสื่อสารและทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล อุตสาหกรรมประกันภัย และผู้บริโภค
- เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยในต่างประเทศ
- เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนส่งเสริมแนวคิดด้านการประกันภัยที่ถูกต้องและคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภค
สถาบันประกันภัยไต้หวัน ทำหน้าที่ให้บริการวิจัยด้านการประกันภัยและการพัฒนาวิชาชีพประกันภัยทั้งการประกันชีวิตและประกันวินาศภัย การจัดโปรแกรมอบรมและสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย การรวบรวมและให้บริการด้านสถิติประกันภัยและคณิตศาสตร์ประกันภัย การดำเนินการในด้านการนำผลิตภัณฑ์ประกันภัยและฐานข้อมูลทางการเงินไปใช้ การอำนวยความสะดวกในด้านการพัฒนาประกันภัยอิเล็กทรอนิกส์ (e-insurance) การทบทวนการกำหนดราคาและการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัย การบริหารการตรวจสอบคุณสมบัติของตัวแทนขายประกันภัยที่เชื่อมโยงกับการลงทุน การวิเคราะห์ตลาดประกันภัย รวมทั้งทางสถาบันฯ ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์ฝึกอบรมการประกันภัยในระดับภูมิภาคด้วย โดยคณะกรรมการบริหารของสถาบันฯ ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของไต้หวัน สมาคมประกันวินาศภัยไต้หวัน สมาคมประกันชีวิตไต้หวัน และผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนในด้านการประกันภัย
ในปี 2564 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมประกันภัยไต้หวันมีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 3.8 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับในส่วนของอุตสาหกรรมประกันชีวิตประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับในส่วนของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 2.5 แสนล้านบาท
- ด้านประชาชน สังคมและสิ่งแวดล้อม
- ด้านหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ด้านหน่วยงานกำกับดูแล (สำนักงาน คปภ.)
- ด้านบริษัทสมาชิกและบุคลากรด้านการประกันภัย
- ด้านระบบนิเวศธุรกิจ (Business Ecosystem) ในยุคดิจิทัล
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ยังมีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันวินาศภัยทั้งทางด้านวิชาการ และด้านกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจประกันภัย และสังคม ตลอดจนให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยคณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ ประกอบด้วยตัวแทนจากบริษัทประกันวินาศภัยไทยที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ
ในปี 2564 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมประกันภัยไทยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมประมาณ 8.7 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงในส่วนของอุตสาหกรรมประกันชีวิตประมาณ 6.1 แสนล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงในส่วนของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยประมาณ 2.6 แสนล้านบาท
“ดังนั้นความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรในครั้งนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งไทยและไต้หวันที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลและองค์ความรู้ในแง่มุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยของกันและกัน รวมถึงยังเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีและกฎระเบียบระหว่างประเทศใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทย ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีส่วนช่วยพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ต่อไป” นายอานนท์ วังวสุ กล่าวทิ้งท้าย