เอไอเอส ไฟเบอร์ และ โนเกีย -ร่วมมือกันทดสอบโซลูชันเครือข่ายเชิงแสงแบบพาสซีฟ 25G PON ในการทดลองใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวในประเทศไทยซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณทางสายด้วยใยแก้วนำแสง (Optical Line Terminal: OLT) ที่มีการติดตั้งกระจายอยู่ทั่วประเทศแล้วในขณะนี้ โดย OLT จะถูกเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์แปลงสัญญาณแสงปลายทาง (Optical Network Terminal : ONT) ของผู้ใช้ทั้งสามรายในเวลาเดียวกัน ด้วยความเร็วที่รวมกันได้มากถึง 37.5 กิกะบิตต่อวินาที ด้วยการใช้ อุปกรณ์ 25G PON ONT ที่ความเร็ว 25 กิกะบิตต่อวินาที อุปกรณ์ XGS-PON ONT ที่ความเร็ว 10 กิกะบิตต่อวินาที และอุปกรณ์ G PON ONT ที่ความเร็ว 2.5 กิกะบิตต่อวินาที ซึ่งบริการทั้งหมดจะสามารถทำงานร่วมกับสายไฟเบอร์ออพติกแบบ single-mode (SM) สายเดียวได้พร้อม ๆ กัน
เอไอเอส ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเน็ตบ้านรายแรกที่ให้บริการบรอดแบนด์ด้วยสายไฟเบอร์ออพติคแท้ 100% ในประเทศไทย ผนวกกับการร่วมมือกันในการทดลองใช้งานครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทสู่การเป็นเครือข่ายเน็ตบ้านที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งจะพร้อมสนับสนุนการใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของภาคอุตสาหกรรมแห่งโลกอนาคตของประเทศไทย
โดยการทดลองทดสอบนี้ สามารถประยุกต์เข้ากับการใช้งานใหม่ ๆ อย่างเกมเสมือนจริง (VR Gaming) และโฮโลแกรม ซึ่งที่ผ่านมา เอไอเอส ไฟเบอร์ ได้มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้สามารถนำเสนอบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษและมีความหน่วง(Latency)ต่ำกว่าเดิม จึงทำให้ เอไอเอส ไฟเบอร์ สามารถให้บริการเครือข่าย GPON, XGS-PON และ 25G PON ในสายไฟเบอร์เดียวกัน ส่งผลให้สามารถนำเสนอบริการเครือข่ายที่มีตัวเลือกด้านความเร็วอย่างครบครันให้แก่ลูกค้า ได้ถึงระดับ 25 กิกะบิตต่อวินาที บนแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในขณะนี้โดยไม่จำเป็นต้องขุดถนนเพื่อวางสายไฟเบอร์ชุดใหม่
เครือข่าย 25G PON ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ เอไอเอส สามารถนำเสนอบริการให้แก่ลูกค้าประเภทองค์กรมาเปลี่ยนเครือข่ายเป็นแบบ 10G+ และมีความหน่วงต่ำแทนที่การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด (Point to Point – P2P) ที่นอกจากมีราคาสูงแล้วยังขยายเครือข่ายสัญญาณได้น้อยกว่า นอกจากนี้บริษัทยังสามารถใช้เทคโนโลยีสำหรับ 5G backhaul ที่จะค่อยๆ เพิ่มความสำคัญเมื่อมีการสร้างสถานีติดตั้งเครื่องรับ-ส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการความถี่สัญญาณ 5G ในระดับที่สูงขึ้นได้อีกด้วย
มร. อาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวว่า “เทคโนโลยี 25G PON ที่ได้รับการพัฒนาให้เร็วแรงขึ้นแล้วนี้ จะช่วยให้เครือข่ายใยแก้วนำแสงมีวิวัฒนาการสู่ความเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อได้กับทุกการใช้งานและทุกเวลา อันมีบทบาทสำคัญในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย ธุรกิจ และสถานีติดตั้งเครื่องรับ-ส่งสัญญาณ เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าครั้งสำคัญครั้งนี้”