บริษัท สิงห์ เอสเตท โชว์รายได้ 8,491 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนปี 2565 เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดันโดยรายได้ธุรกิจโรงแรมซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่าตัว รับอานิสงส์การท่องเที่ยวฟื้นตัวแกร่งทั่วโลก และรายงานกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 238 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมประกาศความสำเร็จในการขายบ้านหรูโครงการใหม่ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ” มูลค่า 2,900 ล้าน ซึ่งสามารถปิดการขายมากกว่า 95% ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมมีสาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งรายงานที่ 6,123 ล้านบาท เติบโต 121% จากงวด 9 เดือนปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการของโรงแรมทั้ง 4 พอร์ตโฟลิโอ นำทัพโดยผลประกอบการที่โดดเด่นในโครงการ CROSSROADS Maldives ซึ่งสามารถรักษาอัตราการเข้าพักได้อย่างแข็งแกร่งเฉลี่ยที่ระดับร้อยละ 67 อีกทั้งยังสามารถปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ได้เพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกันกับพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแรง ส่งผลให้ ADR เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานมา และผลักดันให้รายได้เฉลี่ยต่อคืน (RevPAR) ในงวด 9 เดือนของปี ปรับตัวขึ้นไปสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ถึง 19% นอกจากนั้นแล้ว บริษัทฯ เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนของการท่องเที่ยวในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และสาธารณรัฐมอริเชียส จากความแข็งแกร่งของปริมาณความต้องการท่องเที่ยวที่คงค้างมาตั้งแต่ปีก่อน (pent-up demand) รวมถึงจุดขายที่โดดเด่นของโรงแรม ส่งผลให้พอร์ตโรงแรม Outrigger ฟื้นตัวโดดเด่นที่สุดด้วย ADR ที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 พร้อมทั้งมีกำไรขั้นต้น และ % Gross Profit Margin ที่สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโควิด-19 ได้สำเร็จ
เสริมทัพด้วยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าจำนวน 767 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 6% ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าขึ้นได้แม้จะอยู่ระหว่างสถานการณ์ที่ท้าทาย รวมถึงอัตราการปล่อยเช่าของอาคาร เอส เมโทร (S Metro) ที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 93% ภายหลังการรีแบรนด์และปรับปรุงอาคารใหม่ สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ และการเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ ที่เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเจริญเติบโตสูง มีการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า “สำหรับผลประกอบการที่น่าพอใจในไตรมาสที่ 3 นี้ เรารายงานกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท นับเป็นการบันทึกกำไรติดต่อกันสองไตรมาสของสิงห์ เอสเตท ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมผ่านบริษัทฯ ย่อย “SHR” พลิกฟื้นกลับมามีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 และสำหรับไตรมาสที่ 4 เราเชื่อว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2565 ซึ่งจะถูกผลักดันโดยผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของโรงแรมในประเทศไทย ซึ่งเราเห็นภาพการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชัดเจนภายหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ผนวกกับศักยภาพของโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโรงแรมของเรา ส่งผลให้ occupancy rate ในเดือนตุลาคมของโรงแรม ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ และโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต พุ่งขึ้นที่ 81% และ 77% ตามลำดับ เสริมทัพด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ CROSSROADS ซึ่งปกติมีช่วง Peak season ของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี เราคาดการณ์ว่า CROSSROADS จะมีผลการดำเนินงานที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการในปี 2562 ได้ในไตรมาสที่ 4 ที่จะถึงนี้”
“จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดของโครงการ SIRANINN Residences Pattanakarn เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าลูกค้าให้ความมั่นใจในชื่อ และผลิตภัณฑ์ของ “สิงห์ เอสเตท” แม้ว่าเราจะเป็นแบรด์น้องใหม่ในตลาด และพึ่งเริ่มลุยโครงการแนวราบเพียงแค่โครงการที่สองเท่านั้น แต่ลูกค้ายังคงเชื่อมั่นและซื้อบ้านในระดับราคา 100 ล้าน ทั้งก่อนการเปิดตัวโครงการและก่อนการเห็นบ้านตัวอย่าง ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เราภูมิใจ ทำให้เราเชื่อมั่นในเส้นทางแห่งความสำเร็จในอนาคตที่เราวางเป้าเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในช่วง 5 ปีหลังจากนี้อย่างต่อเนื่องปีละ 3 – 4 โครงการ มีมูลค่ารวม 7,000 ล้านบาทต่อปี โดยการประกาศเดินหน้ารุกตลาดบ้านแนวราบอย่างเต็มตัวด้วยแผนกลยุทธ์ “Rise above” นั้น สะท้อนความมุ่งมั่นในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหนือระดับ เราตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการเพื่อยกระดับ “บ้านแบบสิงห์ เอสเตท” ที่โดดเด่นในทุกรายละเอียดการออกแบบการเลือกใช้วัสดุและฟังก์ชั่นต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการของเราจะสามารถส่งมอบประสบการณ์แบบ Best-in-class ของการอยู่อาศัย และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มตลาด Super Luxury ขึ้นไปได้เป็นอย่างแท้จริง” นางฐิติมา กล่าวเสริม
สิงห์ เอสเตท จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปภายใต้กรอบการ Balance Portfolio เพื่อสร้างสมดุลทางธุรกิจ เสถียรภาพทางรายได้ และความยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ จากความมุ่งมั่นดังกล่าว ทำให้ สิงห์ เอสเตท ได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และบริษัทย่อยของเรา SHR ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 170 บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนหรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2565 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นปีแรก สะท้อนว่ากลุ่มบริษัทฯ มุ่งพัฒนาองค์กรให้เติบโตด้วยการหลอมรวมการดำเนินงานอย่างยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด จนเป็นที่ยอมรับทั้งด้านผลประกอบการ จริยธรรมและความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม