ธนาคารกสิกรไทย มุ่งมั่นขยายธุรกิจในตลาด AEC+3 เพื่อเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 (A Regional Bank of Choice) อย่างต่อเนื่อง เน้นขยายธุรกิจในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และสปป.ลาว ชูยุทธศาสตร์การเงินผ่านดิจิทัลแบงก์กิ้ง ที่จะช่วยให้ลูกค้าในภูมิภาคนี้มีชีวิตที่ดีและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค ตั้งเป้าปี 2566 เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศต่อรายได้สุทธิเป็น 4% และมุ่งสู่การเป็น 1 ใน 20 อันดับธนาคารที่ดีที่สุดในเวียดนามและอินโดนีเซียภายในปี 2570
นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยขยายธุรกิจในต่างประเทศ และสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็วภายใต้สถานการณ์โลกที่ท้าทายและยังอยู่ในสภาวะเพิ่งฟื้นตัว โดยในปี 2565 ธนาคารสามารถส่งมอบรายได้สุทธิ (Net Total Income) ให้ธนาคารกสิกรไทยเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 % และปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าท้องถิ่นในต่างประเทศถึง 2.1 ล้านรายทั่วภูมิภาค
ในขณะเดียวกันก็มุ่งหน้าสร้างพื้นฐานของธนาคารให้แข็งแกร่ง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจใน AEC+3 มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น พร้อมให้ความสำคัญกับการสร้างธนาคารกสิกรไทยให้เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือในแต่ละประเทศทั่วภูมิภาค ด้วยการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้านไอทีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการและประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเชื่อมต่อกับพันธมิตรผู้ให้บริการทางการเงินในท้องถิ่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้าง Ecosystem เพื่อส่งมอบบริการทางการเงินที่จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเงินทุนเพื่อการดำเนินชีวิตหรือทำธุรกิจได้มากขึ้นในวงกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธนาคารกสิกรไทยมีความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น ตามแนวคิดการเป็น Beyond Banking ของธนาคารในระดับภูมิภาค
นายชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สำหรับเป้าหมายและกลยุทธ์การเติบโตของธนาคารกสิกรไทย ในปี 2566 ซึ่งเป็นปีแห่งโอกาสในการเติบโตของภูมิภาคอาเซียน ธนาคารกสิกรไทยจึงขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 (A Regional Bank of Choice) อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นขยายธุรกิจในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และสปป.ลาว ด้วยยุทธศาสตร์การเงินผ่านดิจิทัลแบงก์กิ้ง รวมทั้งบริการที่มากกว่าบริการธนาคาร (Beyond Banking) จากการประสานศักยภาพทางเทคโนโลยีและพันธมิตร เพื่อการพัฒนาบริการที่จะช่วยให้ลูกค้าในภูมิภาคนี้มีชีวิตที่ดี พร้อมร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค ธนาคารกสิกรไทยได้กำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญในประเทศยุทธศาสตร์ ดังนี้
การดำเนินธุรกิจยังคงมุ่งเน้นไปที่ประเทศจีน และ AEC โดยในประเทศจีน ธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน มุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าด้วยแนวคิด “Better Me และ Better SMEs” ด้วยการช่วยให้ลูกค้าท้องถิ่นในจีน เข้าถึงสินเชื่อเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาชีวิตและธุรกิจ สำหรับการดูแลลูกค้าท้องถิ่นในประเทศกลุ่ม AEC ทั้งใน ลาว กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย ธนาคารจะมุ่งเน้นการพัฒนาบริการทางการเงินบนดิจิทัล (Digital Financial Product & Service) ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าบุคคลได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริการธนาคารได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในมุมการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในภูมิภาค ธนาคารจะเพิ่มการเชื่อมต่อเครือข่ายลูกค้าธุรกิจระหว่าง ไทย จีน และ AEC ให้มากยิ่งขึ้น (AEC Connectivity) เพื่อสร้าง Cross Border Value Chain ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถต่อยอดโอกาสทางธุรกิจได้
นอกจากนี้ ประเทศอินโดนีเซียเป็นอีกประเทศที่มีศักยภาพสูง ด้วยจำนวนประชากร 270 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ธนาคารกสิกรไทยจึงเดินหน้าการทำธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย โดยปลายปี 2565 ธนาคารได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารแมสเปี้ยนเป็น 67.5 % ส่งผลให้ธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจในการควบคุม (Controlling Shareholder) ในธนาคารแมสเปี้ยน โดยการดำเนินงานต่อจากนี้ ธนาคารจะเน้นการทำ Transformation โดยนำประสบการณ์ ความพร้อม และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจธนาคารที่มีมายาวนาน ทั้งธนาคารแมสเปี้ยนที่เชี่ยวชาญเรื่องความต้องการของคนในท้องถิ่น และธนาคารกสิกรไทยที่มีความชำนาญเรื่องบริการด้านดิจิทัลแบงกิ้ง มาประยุกต์ ต่อยอด และพัฒนาบริการ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ธนาคารแมสเปี้ยนเติบโตเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดใน East Java และพร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาวต่อไป ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (Commercial) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail) เพื่อเป็น 1 ใน 20 ธนาคาร ที่ปล่อยสินเชื่อมากที่สุดในประเทศอินโดนีเซียในปี 2570
นายชัชกล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางการเงินของ KASIKORN Business Technology Group (KBTG) พัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการทั้งในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เพื่อตอกย้ำถึงยุทธศาสตร์ในการบริการที่มากกว่าแค่ธนาคาร (Beyond Banking) แห่งภูมิภาค AEC+3 อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการทำงานของทีมงานในทุกประเทศเพื่อผลักดันองค์กรให้เป็นพื้นที่แห่งการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด (World of Borderless Growth) สำหรับคนทำงานอย่างแท้จริง ด้วยการสนับสนุนทรัพยากรและรูปแบบการดำเนินงานให้กับทีมงาน มุ่งไปสู่เป้าหมายที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและพร้อมรับความท้าทายในระดับภูมิภาค โดยธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าหมายปี 2566 ธนาคารจะมียอดรายได้จากธุรกิจต่างประเทศเป็น 4% ของรายได้สุทธิ (เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.5% ในปี 2565) และเดินหน้าสู่การเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ภายในปี 2570