บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST ผู้นำด้านการลงทุน ถือหุ้นโดย เมย์แบงก์ ธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซีย เปิดเผยมุมมองต่อการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนเพื่อรับมือกับสถานการณ์โลกในปี 2566 โดยอ้างอิงข้อมูลด้านผลตอบแทนการลงทุนที่ผ่านมา โดยแนะให้นักลงทุนพิจารณาถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ผ่านทรรศนะของ 2 นักวางแผนการลงทุนจาก บีเอ็นวาย เมลลอน (BNY Mellon) และ เมย์แบงก์ ประเทศไทย
สาเหตุหลักของผลตอบแทนการลงทุนที่เป็นลบค่อนข้างมากในปีที่แล้วมาจาก อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนถึงเดือนธันวาคม 2564 ตลาดคาดการณ์ว่าปัญหาเงินเฟ้อจะเป็นเพียงปัญหาชั่วคราว แต่กลับไม่เป็นไปตามคาด ดังนั้น เพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อในระดับสูง ธนาคารกลางส่วนใหญ่จึงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วจากที่เคยอยู่ในระดับต่ำใกล้ 0% ทำให้มีผลกระทบทางลบอย่างมากต่อทั้งตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้
จนมาถึงปี 2566 ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางสหรัฐฯ อยู่ที่ 4.5% – 4.75% และมีแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยที่ชะลอตัวลงกว่าปี 2565 ซึ่งนับเป็นข่าวดีสำหรับการลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ นอกจากนี้แล้วเศรษฐกิจยุโรปที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงดำเนินต่อไป รวมไปถึงการดำเนินนโยบายโควิด 19 ของจีนที่มีการเปิดประเทศ ส่งผลดีต่อตลาดการลงทุนโดยรวม และยังช่วยลดแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมาอีกด้วย อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายฝ่ายยังคงคาดการณ์ถึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในโลกและในสหรัฐฯ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลลบต่อการลงทุนในตลาดตราสารทุนต่อไปอีกในปีนี้
“อย่างไรก็ดีนักลงทุนสามารถลดผลกระทบของตลาดและความผันผวนในระยะสั้นได้ โดยเลือกใช้วิธีกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม” คาร์เรน ชาง กล่าวสรุป
ทาง บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนไปในหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว และกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ เนื่องจากตลาดการลงทุนในแต่ละประเทศมีวัฏจักรทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่ากัน การกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคที่หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้
นอกจากนี้แล้ว แนะนำกระจายการลงทุนไปในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือก ที่นอกเหนือจากสินทรัพย์พื้นฐานทั่วไป เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้ดียิ่งขึ้นไปอีกเช่น กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ หรือ ตราสารที่มีความซับซ้อน เช่นหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง โดยสินทรัพย์ทางเลือกเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของราคาตราสารหนี้ และตราสารทุนในระดับที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะสามารถช่วยลดความผันผวน และสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับพอร์ตการลงทุนได้
โดยทาง บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงมีบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนในสินทรัพย์ในหลากหลายประเทศ รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือกประเภทต่างๆ ที่สามารถให้คำแนะนำ และช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นักลงทุนที่สนใจรับคำปรึกษาด้านการลงทุนจากมืออาชีพระดับโลก สามารถติดต่อเปิดบัญชีกับเมย์แบงก์ได้แล้ววันนี้ที่ App Maybank Invest หรือ ติดต่อได้ที่ 02 658 5050