เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (cmg) ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลกกว่า 40 แบรนด์ในกลุ่มแฟชั่น เดนิม ความงาม นาฬิกา รองเท้า เครื่องประดับ ของใช้ภายในบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล คาดยอดขายพอร์ตบิวตี้ปีนี้เติบโตก้าวกระโดดถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมเดินหน้ายกระดับกลุ่มธุรกิจบิวตี้ผ่านกลยุทธ์หลัก ‘นำเสนอสินค้านวัตกรรม-เปิดตัวแบรนด์ใหม่’ ตอบรับกับตลาดสินค้าความงามที่ขยายตัว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและความงาม รวมถึงสินค้าที่มาจากธรรมชาติ ส่วนผสมออแกนิค และมุ่งเน้นความยั่งยืน
นายเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “หลังจากที่วิกฤตโควิด-19 มีสัญญาณคลี่คลาย เราก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใส่ใจในเรื่องความสวยงามมากขึ้น ทั้งเรื่องการดูแลผิวหน้า และการใช้เครื่องสำอางต่างๆ ประกอบกับนโยบายการเปิดประเทศที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไทยมาอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ตลาดสินค้าบิวตี้ของเมืองไทย ที่มีมูลค่ากว่าสองหมื่นสามพันล้านบาท เริ่มกลับมาคึกคักและแข่งขันกันอย่างเต็มรูปแบบ ทาง cmg เอง ในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งธุรกิจแฟชั่นรีเทลของประเทศไทย และเป็นผู้นำด้านแบรนด์บิวตี้ระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า บอดี้แคร์ เมคอัพ เมคอัพ และน้ำหอม จึงพร้อมที่จะเดินเกมรุก และเร่งเครื่องขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ โดยเราวางแผนที่จะอัดงบลงทุนกว่าสี่ร้อยล้านบาท ในการเฟ้นหาแบรนด์บิวตี้ใหม่ๆ มาเติมพอร์ต นำเสนอกิจกรรมทางการตลาดเพื่อโปรโมทสินค้านวัตกรรม และพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนลให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น”
นางปวิยดา รัตนสุดใจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าเทคโนโลยีและบิวตี้ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยว่า “จุดแข็งของ cmg ที่ทำให้เราครองใจผู้บริโภคชาวไทยมาอย่างยาวนาน คือ การที่เราไม่หยุดพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมและเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ และในปี 2565 cmg ได้เป็นผู้จัดจำหน่าย Hermès Beaute แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามในเครือของ Hermès ลักซ์ชัวรี่แบรนด์ชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเมคอัพระดับพรีเมี่ยมและน้ำหอม พร้อมเปิดจุดขายใหม่อีก 2 สาขา ล่าสุดเราได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่สัญชาติสวีเดน L:A BRUKET (ลา บรูเก็ท) เข้ามาเติมเต็มพอร์ตบิวตี้ ด้วยเล็งเห็นว่าเทรนด์ความงามแบบ Clean Beauty กำลังมาแรง ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภค สอดคล้องกับจุดเด่นของแบรนด์ L:A BRUKET ที่เป็น Premium Organic Skincare ผลิตโดยใช้นวัตกรรมและส่วนผสมที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ อ่อนโยน และช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นในระยะยาว มาพร้อมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่หัวจรดเท้า และได้รับรางวัลการันตีคุณภาพจาก Cosmos ทำให้เรามั่นใจว่าแบรนด์ L:A BRUKET จะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความงามของชาวไทยได้ดีเช่นเดียวกับแบรนด์ยอดนิยมอื่นๆ ในเครือของ cmg อย่าง…
The Body Shop : แบรนด์บิวตี้จากประเทศอังกฤษ ที่ใช้ส่วนผสมจาก Vegan เป็นผู้ริเริ่มให้ความใส่ใจและมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยปีนี้แบรนด์ได้ฉลองการครบรอบ 30 ปีในประเทศไทย
KIKO Milano : แบรนด์เครื่องสำอางค์อันดับ 1 จากประเทศอิตาลี ที่โด่งดังจากคุณภาพของสินค้าที่น่าเชื่อถือ ความคิดสร้างสรรค์ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดูโฉบเฉี่ยว และราคาที่น่าดึงดูดใจ
THREE : แบรนด์บิวตี้จากประเทศญี่ปุ่น สัญลักษณ์แห่งความสร้างสรรค์ เน้นหลักการการดูแลสุขภาพผิว จิตใจ และร่างกาย แบบองค์รวม (Holistic care) โดยใช้พลังธรรมชาติบริสุทธิ์ เพื่อเข้าถึงความงามอย่างยั่งยืน
BANILA CO : แบรนด์บิวตี้จากประเทศเกาหลี โดดเด่นด้วยแนวคิดที่สนุก ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งมีไอเทมเด็ดคือ Clean It Zero คลีนซิ่ง บาล์ม ที่มียอดขายในทุก 3.1 วินาที จากทั่วโลก
LuLuLun : แบรนด์มาส์กหน้าอันดับหนึ่ง ที่สามารถใช้ได้ทุกวันจากประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ในปี 2566 cmg ได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อความงามมาอย่างต่อเนื่องดังนี้
- Parfums-Jardins ผลิตภัณฑ์น้ำหอมกลิ่นล่าสุดจาก Hermès Beaute
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าจาก L:A BRUKET มีส่วนผสมของ Algica® เทคโนโลยีชีวภาพที่ส่งตรงมาจากประเทศสวีเดน ช่วยปกป้องความชุ่มชื่นของผิวและปกป้องการมลภาวะต่างๆ
- KIKO MILANO นำเสนอ Beauty Roar คอลเลคชั่นมคอัพใหม่ล่าสุดที่จะช่วยให้คุณดูโดดเด่นมีสไตล์
- บอกลาผิวหมองคล้ำ มันวาว กับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าพร้อมส่วนผสมไวตามินซีจาก The Body Shop
- THREE Balancing Cleansing Oil N สินค้าขายดีจาก THREE ที่ช่วยทำความสะอาดและคงความชุ่มชื่นของผิวได้อย่างครบถ้วน
เรายังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี นอกจากการพัฒนาในด้านสินค้าแล้ว เรายังตั้งใจที่จะมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยการขยายช่องทางจัดจำหน่ายสู่อีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่สามารถเชื่อมช่องทางหน้าร้านและออนไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ”
“สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ cmg เติบโตเคียงคู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 72 ปี นั่นคือ การที่เรายึดลูกค้าและนวัตกรรมเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เราไม่เคยหยุดที่จะเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดและนำเสนอความทันสมัยให้กับผู้บริโภคชาวไทยผ่านแบรนด์สินค้าในเครือที่หลากหลายกว่า 40 แบรนด์ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน และเรายังภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์คู่ค้าระดับโลกไม่เพียงแค่กลุ่มบิวตี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มสินค้าประเภทต่างๆ เช่น Dyson, Casio G-Shock, Guess, Polo Ralph Lauren, Calvin Klein, MLB, G2000, Fitflop และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยโดย cmg จะยังคงเดินหน้าติดตามเทรนด์ และปั้นแบรนด์บิวตี้ต่างๆ ให้ฮิตติดตลาด และตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านค้าปลีกให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอาง แฟชั่น และเทคโนโลยี ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเบอร์ 1 รีเทลที่ครองใจคนไทยตลอดไป” นายเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กล่าวสรุป