กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย กลุ่มงานโกลบอล มาร์เก็ตส์มุ่งนำเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อให้การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องง่ายขึ้น ผ่าน Foreign Exchange Digital Platform แพลตฟอร์มที่ช่วยลูกค้าบริหารความเสี่ยงด้วยตัวเองได้ตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีโอกาสแข็งค่าขึ้น คาดระดับการซื้อขายสิ้นปี 2566 อยู่ที่ราว 33.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ในมุมมองที่สอง ESG (Environment, Social and Governance) ในเดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้ออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้ระดมเงินทุนจาก IFC มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นจำนวนเงินที่ออกตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับ ESG สูงสุดที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยเคยออกมา ในปี 2562 กรุงศรีประสบความสำเร็จในการออกตราสารหนี้ Women Entrepreneurs Bonds เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดังนั้น การออก Green & Blue Bond ในเดือนที่ผ่านมา จึงเป็นการเพิ่มการสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งกรุงศรีจะยังคงยึดมั่นพันธกิจในการสนับสนุนการขยายธุรกิจ ESG ของลูกค้าต่อไปในอนาคต
ในมุมมองที่สาม AEC (ASEAN Economic Community) ธนาคารกรุงศรียังได้สนับสนุนการขยายธุรกิจของลูกค้าไปยังภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย การที่กรุงศรีเป็นสมาชิกของ MUFG ทำให้ธนาคารสามารถใช้เครือข่ายสาขาของ MUFG และธนาคารพันธมิตรที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านในการให้บริการที่หลากหลายแก่ลูกค้าที่มีความต้องการในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อการชำระเงินในภูมิภาค ทั้งนี้ กรุงศรีจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ FX ที่มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของลูกค้าไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
“ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มผันผวนในทิศทางแข็งค่า เราคาดหวังระดับการซื้อขายสิ้นปี 2023 ที่ราว 33.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ บนสมมติฐานที่ว่าสหรัฐฯ ใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดที่ได้แรงส่งเชิงบวกจากภาคท่องเที่ยว นอกจากนี้ คาดว่าภาพการเมืองในประเทศจะมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยดึงดูดกระแสเงินทุนให้ไหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์สกุลเงินบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในนโยบายด้านเศรษฐกิจและเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ด้วย สำหรับประเด็นเรื่องความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเหวี่ยงตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง” นางสาวรุ่ง กล่าวทิ้งท้าย