ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ร่วมปฏิวัติกระบวนการขอสินเชื่อบ้าน ด้วยความร่วมมือกับ บริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค จำกัด บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) และบริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (NDID) ใช้ข้อมูล ‘เครดิตสกอริ่ง’ หรือ การประเมินทางสถิติเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ตามนัดของผู้ขอสินเชื่อ ประกอบการพิจารณาเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีเทคโนโลยีของ ไอคอน เฟรมเวิร์ค ในการนำเสนอสินเชื่อของธนาคารให้กับผู้ขอสินเชื่อ ร่วมด้วยเทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตนทางดิจิทัล ส่งผลให้การพิจารณาสินเชื่อมีความแม่นยำและความรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม 60% ช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของผู้ขอสินเชื่อและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนยกระดับบริการทางการเงินของธนาคารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างธนาคารเกียรตินาคินภัทร ไอคอน เฟรมเวิร์ค เครดิตบูโร และ NDID โดยธนาคารเกียรตินาคินภัทรได้ร่วมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมของบริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค ในกระบวนการอนุมัติสินเชื่อบ้านผ่านระบบ ICON Digital Mortgage ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีระบบ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ เพื่อนำเสนอสินเชื่อของธนาคารให้กับผู้ขอสินเชื่อที่เหมาะสม รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เครดิตบูโร และ NDID ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐาน และความปลอดภัย เพื่อการตรวจสอบเครดิตสกอริ่ง และยืนยันตัวตนของผู้ขอสินเชื่อได้แบบ Real Time และมีความแม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการขอสินเชื่อ ตลอดจนช่วยลดปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ
นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่มีข้อมูลเครดิตลูกค้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร โดยการดำเนินการขอสินเชื่อเดิมอาจกินระยะเวลา 1-2 อาทิตย์ นอกจากนี้ ด้วยระดับหนี้ครัวเรือนปัจจุบันที่สูงกว่า 90% ทำให้ลูกค้าโดนปฏิเสธมากกว่า 60% ส่งผลให้ผู้ขอสินเชื่อและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนค่าเสียโอกาสจำนวนมาก
“ธนาคารให้ความสำคัญกับการยกระดับกระบวนการให้บริการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการขอสินเชื่อบ้าน ซึ่งถือเป็นสินเชื่อที่มีมูลค่าสูงและมีความสำคัญต่อชีวิตของลูกค้าเป็นอย่างมาก ธนาคารจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่างไอคอน เฟรมเวิร์ค เครดิตบูโร และ NDID พัฒนากระบวนการขอสินเชื่อบ้านที่เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของประเทศไทย เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเงินมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ โดยการพัฒนานี้สามารถลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อบ้านลงจากเดิม 1-2 อาทิตย์ เหลือเพียง 1-2 วัน มีความแม่นยำสูง ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับผู้ขอสินเชื่อ ผู้พัฒนาอสังหาฯ และธนาคารได้กว่า 60% นอกจากนี้ ธนาคารยังมองว่าเป็นการขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น”
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) กล่าวว่า “ทางเครดิตบูโร มีการพัฒนา เครดิตสกอริ่ง มาแล้วกว่า 5 ปี ซึ่งพัฒนา Model ด้วยวิธีที่ยอมรับในระดับโลกมาใช้ในประเทศไทยโดยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่นำ เครดิตสกอริ่ง มาใช้เพื่อช่วยลูกค้าในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และถือเป็นต้นแบบ Model ในการพัฒนาไปยัง Use Case อื่นๆต่อไป ในอนาคต”
นายบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะ Infrastructure Platform NDID มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ซึ่งตรงกับ Mission ของ NDID Platform ในการสร้างมาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล โดยบริการ NDID eKYC และ eConsent เพื่อขอข้อมูลเครดิตจะอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนการดำเนินการของธุรกรรมดิจิทัล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้เกิดประสิทธิภาพ และเป็นการก้าวสู่ธุรกิจใหม่ของ NDID อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีไปยังผู้ขอสินเชื่อเป็นอย่างมาก”
นายวรรณเทพ หรูวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า “การก้าวย่างในครั้งนี้ ของ ICON Framework นับว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญอีกครั้ง จากการเป็นผู้ให้บริการ CRM กับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเราก็เห็นว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการ มีปัญหาเรื่องการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร อยู่ในระดับที่สูง ดังนั้นเราได้ร่วมพัฒนากระบวนการดังกล่าว เพื่อให้ลูกค้าของเรามีประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และการทำงานครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ ของความร่วมมือกันใน ระหว่างอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และภาคธนาคาร ที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อีกด้วย จากการปฏิวัติการขอสินเชื่อในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง กระบวนการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดบริการใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต และที่สำคัญที่สุดถือเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่จะนำเรื่อง เครดิตสกอริ่ง มาผนวกกับ Digital Mortgage และปรับกระบวนการทำงานอย่างจริงจัง เพื่อลดยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารได้ในที่สุด”