KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงก์กิ้ง) คาดการณ์ 2 แนวโน้มสำคัญของเศรษฐกิจโลกคือ 1) สามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยอย่างรุนแรงได้ และ 2) วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกกำลังจะสิ้นสุดลง แต่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่โดยปกติจะไม่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี KBank Private Banking มองเห็นโอกาสในการลงทุน แม้ในภาวะดอกเบี้ยสูง แนะนักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี ผ่านกองทุน K-CHANGE และ K-HIT ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่รับกับเทรนด์ในอนาคต
กองทุน K-CHANGE : กองทุน Positive Impacts เปลี่ยนการช่วยเหลือโลกเป็นโอกาสทางการลงทุน
- เน้นลงทุนในหุ้นของ 25-50 บริษัท โดยหนึ่งในตัวกลั่นกรองสำคัญคือบริษัทที่ไปลงทุนคาดว่าจะสร้างรายได้ให้เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวภายใน 5 ปี นอกจากนี้ บริษัทต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก (Positive Impacts) ใน 4 ประเด็น ได้แก่ ความเท่าเทียมกันทางสังคมและการศึกษา การดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การเพิ่มคุณภาพชีวิต และการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงิน โดยมีการวัดผลที่จับต้องได้ว่าเงินลงทุนสร้างผลบวกต่อโลกอย่างไร เช่น เงินลงทุน 10 ล้านบาท ในปี 2021 ช่วยให้ประชาชน 283 คนได้รับการศึกษา คนในพื้นที่ห่างไกล 126 คนเข้าถึงบริการทางการเงิน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 68 เมตริกตัน และประหยัดน้ำมากกว่า 400,000 ลิตร เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าไปดูที่ Website ของ Baillie Gifford กองทุนนี้บริหารโดย Baillie Gifford ที่มองว่าแม้ AI (Artificial Intelligence) จะอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ได้เพิ่มประสิทธิภาพแก่การทำกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์อย่างมาก และการพัฒนาในระยะต่อไปจะเป็นไปแบบก้าวกระโดด โดยตัวอย่างบริษัทที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ ผู้ให้บริการการศึกษาออนไลน์ที่นำ AI มาปรับแผนการเรียนให้ตรงกับลักษณะของผู้เรียน นอกจากนี้ยังลงทุนในบริษัทที่พัฒนาฮาร์ดแวร์รองรับการประมวลผล เช่น ผู้ผลิตเครื่องจักรที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งมีเทคโนโลยีดีที่สุด สำหรับหุ้นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในพอร์ตการลงทุนได้แก่หุ้นของบริษัทให้บริการโอนเงินต่างประเทศในราคาถูก ที่นอกจากจะเติบโตสูงแล้ว ยังช่วยแรงงานข้ามชาติส่งเงินกลับบ้านอีกด้วย
กองทุน K-HIT : ลงทุนก้าวทันโลก โตตามเมกะเทรนด์
- กองทุนนี้กระจายลงทุนในหุ้นของ 150-200 บริษัท ในธีมการลงทุนที่สอดคล้องกับ Megatrend หรือกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น 1) Digital Life: เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน 2) Health Tech: นวัตกรรมทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพ 3) Infrastructure: การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้มานานให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น 4) Intelligent Machine: กระบวนการผลิตระบบอัตโนมัติหรือการใช้หุ่นยนต์ ซึ่งถูกผลักดันจาก โควิด 19 ที่คนเข้าทำงานไม่ได้รวมทั้งค่าแรงงานที่สูงขึ้นในหลายประเทศ 5) Pet Economy: การใช้จ่ายให้สัตว์เลี้ยง จากการที่คนในสังคมปัจจุบันมองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวที่พร้อมใช้จ่ายให้โดยไม่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น โดย Allianz Global Investors ผู้บริหารกองทุนนี้ เห็นถึงโอกาสในอุตสาหกรรม Healthcare ที่นอกจากจะมีเม็ดเงินเพื่อการวิจัยและพัฒนาจำนวนมากแล้ว ความก้าวหน้าของระบบการประมวลผลแบบ Quantum Computing ยังทำให้การพัฒนายาหรือแนวทางการรักษาโรครวดเร็วและตรงจุดมากขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ธีมการลงทุนเด่นในช่วงที่ผ่านมาได้แก่ Infrastructure, Digital life และ Intelligent Machine ซึ่งการใช้หุ่นยนต์ในบริการพื้นฐานเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยกองทุนปรับสัดส่วนการลงทุนในธีมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และเน้นไปที่หุ้นของบริษัทที่มีกระแสเงินสดสูง รวมทั้งมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องตามที่คาดหวัง
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถรับชมงานสัมมนา “NAVIGATING GROWTH STOCKS AFTER FED’S HIKE” ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=oG19M0JSc1Y หรือ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ของ KBank Private Banking ได้ที่ https://kbank.co/3NrNbw9