ททท. ดึงพันธมิตรร่วมผลักดันการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ในงาน Amazing Sustainable Event: Business Matching Day สู่โอกาสธุรกิจอย่างยั่งยืน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “Amazing Sustainable Event : Business Matching Day” สู่โอกาสธุรกิจอย่างยั่งยืน เปิดเวทีจับคู่เจรจาธุรกิจรูปแบบ B2B โดยจับมือกับพันธมิตร อาทิ Master Plan, Amari Watergate Hotel, Go Green Booking, Muvmi, Find Folk, Air Asia และ Greatter Good ร่วมเชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งผู้ประกอบการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (TTA) และ Go Green Booking Platform รวม 50 ราย เข้าร่วมยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) และสร้างระบบนิเวศทางการท่องเที่ยวใหม่ที่สมดุลทุกมิติด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ Sustainable Tourism Goals : STGs พร้อมให้ความรู้ผ่านกิจกรรมเสวนาความยั่งยืนกับธุรกิจท่องเที่ยว โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการต้นแบบ ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ
นางสาวณัฐพรรณ ตรีเดชา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า งาน Amazing Sustainable Event : Business Matching Day จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) โดยขยายผลต่อยอดเพื่อเตรียมความพร้อมและยกระดับของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำให้ไปสู่ตลาดต่างประเทศตามนโยบายของภาครัฐ ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากเป้าหมาย Sustainable Tourism Goals: STGs และโครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating : STAR ซึ่งจะเข้ามาเป็นกลไกสำคัญต่อการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและสมดุลทุกมิติ
ภายในงาน ประกอบด้วยกิจกรรมไฮไลท์ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ กิจกรรม “Go Green Matching : One Perfect Match สู่โอกาสธุรกิจอย่างยั่งยืน การจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) รูปแบบ Business to Business (B2B) ระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการ ชุมชน และผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดย ททท. เชิญผู้ประกอบการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Thailand Tourism Awards : TTA) ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 ประเภทคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน (Low Carbon & Sustainability) และผู้ประกอบการจาก Go Green Booking Platform รวมทั้งสิ้น 50 ราย จาก 5 ประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจที่พัก ธุรกิจเส้นทางการท่องเที่ยวหรือรายการนำเที่ยว ธุรกิจสปาหรือกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ร้านอาหาร และร้านค้าหรือสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมงานในฐานะผู้ขาย (Seller)
ขณะที่ผู้ซื้อ (Buyer) มาจากบริษัทจัดนำเที่ยว (DMC) ผู้แทนบริษัทนำเที่ยว (Travel Agent) กิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) ในประเทศไทย มีจำนวนประมาณ 30 ราย ถือเป็นเวทีที่สร้างโอกาสทางการขายและสร้างความตระหนักรู้ในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการจัดการคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) อย่างเป็นรูปธรรมแก่ผู้ประกอบการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Emergency) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ และเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างเครือข่ายให้กลุ่มผู้ประกอบการที่มีคุณภาพด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วย
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้รับความรู้เกี่ยวกับความยั่งยืนกับธุรกิจท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรม Special Talk หัวข้อ “เทรนด์ความยั่งยืนกับธุรกิจท่องเที่ยว” โดยวิทยากรผู้มีประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นางสาวปรมา ทิพย์ธนทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคต ของกลุ่มบริษัท บารามีซี่ ต่อด้วยการเปิดเวทีเสวนา Guru Share ในหัวข้อ “ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ทำเรื่องยั่งยืนอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ” โดยนายกฤษณ์ รุยาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย แปซิฟิค อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด และ ผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยความสุขที่ไร่ใจยิ้ม นายธนบูรณ์ สมบูรณ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรีนเนอรี่ เอสอี จำกัด และนางสาวพิชยา ภู่พวงไพโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต กรุงเทพฯ ร่วมพูดคุย และนายณัฐวุฒิ ชวินกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง Greatter Good รับหน้าที่พิธีกรภายในงาน ไม่เพียงเท่านั้น ททท. ยังตอกย้ำ DNA ขององค์กร กำหนดจัดงานแบบ Sustainable Event ด้วยความตั้งใจออกแบบการจัดงานให้มีการสร้างขยะน้อยที่สุด โดยมีแนวคิดการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนที่เกิดขึ้นได้จริง เพื่อลดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งภายหลังการจัดงาน ททท. จะนำวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งภายในงานบริจาคแก่มูลนิธิกระจกเงา เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาว
ทั้งนี้ ททท. คาดว่ากิจกรรม Business Matching ครั้งนี้ จะทำให้มีคู่เจรจาธุรกิจในงานกว่า 250 คู่ โดยเป็น Perfect Match มากกว่า 70 คู่ และจะสามารถสร้างมูลค่าการซื้อขายได้ประมาณ 70 ล้านบาท ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในการสะท้อนความร่วมมือ สร้างความเข้าใจ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพอย่างแท้จริงต่อไป