เมืองไทยประกันชีวิตครบ 6 รอบ มอบอาคารเรียนอนุบาล โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกระแสน ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมประกาศความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบที่เรียนที่มีคุณภาพและสนับสนุนในการพัฒนาท้องถิ่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของเยาวชน
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่ บริษัทฯ ครบรอบ 72 ปี ที่ดำเนินธุรกิจอย่างเติบโตมั่นคง แข็งแกร่งและมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนเป็นสำคัญ และเหนือสิ่งอื่นใดที่บริษัทฯ มีความพร้อมในการพัฒนาทุกด้านแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมเสมอมา โดยในโอกาสนี้เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ได้ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 ดำเนินโครงการ ก่อสร้าง “อาคารเรียนอนุบาล 72 ปี เมืองไทยประกันชีวิต” เพื่อมอบให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกระแสน ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โดยเป็นโรงเรียนที่ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี 2563 ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 3 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 70 คน ครูตำรวจจำนวน 9 นาย ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนชั้นอนุบาล 3 มีความจำเป็นต้องแบ่งการใช้ห้องเรียนในอาคารเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษา นอกจากนี้ยังดำเนินโครงการพัฒนาระบบน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค และกิจกรรมเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โดยทั้ง 2 โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักเรียนจะได้มีสถานที่เรียนที่มีคุณภาพได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาการตามความเหมาะสม และเยาวชนจะได้มีพัฒนาการและมีทักษะด้านวิชาการอย่างดีและมีคุณภาพ
สำหรับเมืองไทยประกันชีวิต เราตั้งเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคมไทย ควบคู่ไปกับแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อคืนกำไรสู่สังคม เมืองไทยประกันชีวิตตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาในการสร้างอนาคตที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กในพื้นที่ห่างไกล เราพร้อมสนับสนุนและเสริมสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษา ด้วยความมุ่งหวังที่จะพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน เพราะเด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศไทยต่อไปในอนาคต
“เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ขอส่งมอบอาคารเรียนอนุบาล 72 ปี เมืองไทยประกันชีวิต และโครงการระบบน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคและกิจกรรมเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ทางการศึกษาต่อไป โดยเรายังคงสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพสังคม การส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกาย การส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรม ศาสนา ตลอดจนการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมีคุณภาพในทุกด้าน” นายสาระ กล่าวอย่างภูมิใจ