กลุ่มบริษัทเอไอเอ แถลงผลประกอบการอันแข็งแกร่งประจำปี 2566

มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เติบโตขึ้นเป็นเลขสองหลักใน 10 ตลาด ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV EQUITY) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ก่อนหักส่วนที่คืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น; เงินปันผลรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้น

ฮ่องกง, 14 มีนาคม 2567 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:

ผลประกอบการของธุรกิจใหม่

  • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็น 4,034 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง อาเซียน(2) และอินเดีย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เป็นสถิติใหม่ มูลค่า 7,650 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เป็นร้อยละ 6 โดยครึ่งปีหลังเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก

รายได้และทุน

  • กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Operating Profit) มูลค่ารวมเป็น 8,890 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ต่อหุ้น
  • อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (ROEV) เป็นร้อยละ 9 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากร้อยละ 9.4 ในปี 2565
  • กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,213 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ต่อหุ้น ภายใต้หลักพื้นฐานการดำเนินงาน(3)
  • ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,041 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้น
  • ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ก่อนคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นโดยการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืน จำนวน 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ; ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 70.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น
  • เงินกองทุนส่วนเกิน เป็นมูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566
  • อัตราส่วนของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) แข็งแกร่งมากและครอบคลุมอัตราส่วน(4) ร้อยละ 275 ตามเกณฑ์ GWS และร้อยละ 335 ตามเกณฑ์ผู้ถือหุ้น

เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน

  • เงินปันผลประจำปีจำนวน 07 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น
  • เงินปันผลรวมจำนวน 36 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5
  • ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนรวมทั้งสิ้น 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงมีผลการดำเนินงานทางการเงินโดยรวมที่แข็งแกร่ง ด้วยแรงผลักดันทางธุรกิจที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องหลังการแพร่ของโรคระบาด เห็นได้จากเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 ซึ่งเป็นสถิติใหม่ในประวัติการณ์ และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ พอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่หลากหลายและช่องทางการขายที่โดดเด่นของเราสามารถสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่สูงขึ้นจากตลาดหลักของเราในอาเซียน ฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ และอินเดีย รวมถึงการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักใน 10 ตลาด

“ด้วยความมีวินัยทางการเงินที่สม่ำเสมอของเรา และความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างมีคุณภาพของเอไอเอนั้น ได้ส่งเสริมการเติบโตของตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญอื่น ๆ ทั้งหมดของเรา เช่นการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Operating Profit) ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) รวมไปถึงส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) บนพื้นฐานต่อหุ้น โดย EV Equity เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็นมูลค่า 76.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนหักส่วนที่คืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นโดยการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนจำนวน 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือได้ว่าสถานะเงินทุนของเอไอเอยังคงแข็งแกร่งมาก โดยมีเงินกองทุนส่วนเกินเป็นมูลค่า 16.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอัตราส่วนของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) ครอบคลุมอัตราส่วน(4) ร้อยละ 275

“คณะกรรมการได้แนะนำให้จ่ายเงินปันผลประจำปีจำนวน 119.07 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งจะทำให้ยอดเงินปันผลรวมอยู่ที่ 161.36 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปี 2565 โดยเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งจะผลักดันให้มีโอกาสเติบโตในอนาคตและความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท

“ผลประกอบการธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมของเอไอเอได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มการขายที่ทรงพลังและไม่มีใครเทียบได้ของเรา โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่แตกต่างของเราเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญสำหรับเอไอเอ และสามารถสร้างการเติบโตมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอที่ยอดเยี่ยมถึงร้อยละ 23 โดยได้แรงหนุนจากทั้งจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและอัตราผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ช่องทางการขายผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางของเราสามารถช่วยให้เราขยายการเข้าถึงตลาดและสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 โดยได้รับแรงส่งเสริมจากผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งพันธมิตรธนาคารและช่องทางของที่ปรึกษาด้านประกันชีวิตและการเงิน (IFA)

เอไอเอ ประเทศจีน มีการเติบโตเชิงบวกของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ร้อยละ 20 ตลอดปี 2566 เรามองเห็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมเมื่อผลกระทบจากการแพร่ของโรคระบาดลดลง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนธันวาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นของแบบประกันสะสมทรัพย์ระยะยาวและการปรับราคาผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2566

“ตัวแทนในพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเอไอเอ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นอัตราเลขสองหลักทั้งจากการดำเนินงานในตลาดที่มีอยู่และตลาดใหม่(5) โดยมีผลมาจากความมุ่งมั่นในกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี่ของเรา ซึ่งยังคงให้ความสำคัญกับการสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพและการพัฒนาตัวแทนใหม่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เราเริ่มขยายภูมิภาคใหม่ ในปี 2562 ขณะนี้เราได้ขยายฐานธุรกิจของเอไอเอ ประเทศจีน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใน 10 ภูมิภาค หลังจากเปิดตัวการดำเนินงานใหม่ของเราในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานในเดือนพฤษภาคม ปี 2566 โดยการจำลองโมเดลและขยายการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ตลาดใหม่ของเราได้สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ถึงร้อยละ 55 เพิ่มขึ้นในปี 2566 และมีส่วนสนับสนุนในการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่เกินกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าธุรกิจใหม่ทั้งหมดที่มาจากช่องทางตัวแทนของเอไอเอ ประเทศจีน ในช่วงครึ่งปีหลัง

“จีนแผ่นดินใหญ่ยังคงมอบโอกาสมหาศาลสำหรับการประกันชีวิตและสุขภาพ ในปี 2566 เอไอเอ ประเทศจีน ได้กระชับความร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารเชิงกลยุทธ์และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) จากการขายผ่านช่องทางธนาคารมากกว่าสามเท่า การลงทุนร้อยละ 24.99 ของเราใน China Post Life ช่วยทำให้เราได้รับมูลค่าที่สำคัญจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มเติมที่สามารถส่งเสริมกลยุทธ์ของ เอไอเอ ประเทศจีน เป็นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่รวมอยู่ในผลลัพธ์ของมูลค่าธุรกิจใหม่ของเรา แต่ China Post Life ได้รายงานการเติบโตถึงร้อยละ 17 เมื่อเทียบแบบปีต่อปีของมูลค่าธุรกิจใหม่(6) ในปี 2566

“เอไอเอ ฮ่องกง ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 82 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในประเทศและชาวจีนแผ่นดินใหญ่ (Mainland Chinese Visitor – MCV) รวมถึงช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตรของเรา มูลค่าธุรกิจของฮ่องกงเป็นส่วนสนับสนุนมูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทมากที่สุดในปี 2566 เนื่องจากเราสามารถตอบสนองความต้องการที่แข็งแกร่งของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากกลับมาเดินทางตามปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 โดยเรายังคงเพิ่มจำนวนตัวแทนที่ทำผลงานอย่างต่อเนื่องและทำงานอย่างใกล้ชิดกับช่องทางพันธมิตรเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ยั่งยืนและเติบโตจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของเอไอเอ ฮ่องกง กว่าครึ่งหนึ่งในปี 2566

“ตลาดใหญ่ที่สุดของการดำเนินธุรกิจในอาเซียนอย่าง เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงสร้างสถิติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ร้อยละ 21 ผลการดำเนินงานของธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมนั้นได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของตัวแทนซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาด และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับธนาคารกรุงเทพ นอกจากนี้ การดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี่ของเรา ยังได้ช่วยผลักดันให้จำนวนตัวแทนใหม่มีการเติบโตอย่างดีเยี่ยมในอัตราเลขสองหลักทั้งใน่จำนวนตัวแทนที่สร้างผลงาน รวมถึงผลิตภาพของตัวแทน

ในสิงคโปร์ เอไอเอ สามารถสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตได้ร้อยละ 10 ในปี 2566 การมุ่งเน้นของเราในการสรรหาตัวแทนและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานช่วยให้เราสามารถเพิ่มจำนวนการรับสมัครใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งและยกระดับผลผลิตของตัวแทนให้สูงขึ้นด้วย เอไอเอ สิงคโปร์ ยังคงมีสถิติการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมภายใต้ช่องทางความร่วมมือกับพันธมิตร โดยได้รับการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของซิตี้แบงก์ และธุรกิจใหม่จากพันธมิตรอื่น ๆ ซึ่งเรามุ่งเป้าที่ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและลูกค้าสินทรัพย์สูง

เอไอเอ มาเลเซีย รายงานการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สูงขึ้นร้อยละ 7 ซึ่งมาจากทั้งช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตร การยกระดับข้อเสนอของเราซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านความคุ้มครองได้เป็นอย่างดี สนับสนุนให้กิจกรรมของตัวแทนและผลผลิตของพรีเมียร์ เอเจนซี่ เพิ่มสูงขึ้น ในด้านธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ที่ได้รับความร่วมมือกับ Public Bank ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเป็นเลขสองหลักในปี 2566 โดยเราได้ร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าธนาคารที่มีสินทรัพย์สูง รวมทั้งเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย

“มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มตลาดอื่น ๆ ของเรามีเสถียรภาพในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 การเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มนี้ถูกชดเชยด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ลดลงจากเวียดนาม ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเชิงลบยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันชีวิตในเวียดนามตลอดทั้งปี ทั้งนี้ หากไม่รวมเวียดนาม ตลาดอื่น ๆ ทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 15 ในปี 2566 ทาทา เอไอเอ ไลฟ์ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งปีในทุกช่องทางการขาย และติดอันดับบริษัทประกันชีวิตเอกชนรายใหญ่อันดับสามในอินเดียในปี 2566 อีกด้วย

“เอเชียเป็นภูมิภาคที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลกสำหรับด้านประกันชีวิตและสุขภาพ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งในแง่ความต้องการและแนวโน้มด้านประชากรศาสตร์ที่สำคัญซึ่งนับเป็นแรงสนับสนุนอันทรงพลังสำหรับโอกาสระยะยาวของธุรกิจของเราทั่วทั้งภูมิภาค ผมมั่นใจว่าความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป และข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ชัดเจนของเรา กลไกการเติบโตที่หลากหลาย และความยืดหยุ่นทางการเงินที่ไม่มีใครเทียบได้ จะช่วยให้เอไอเอสามารถสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา ขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่งสนับสนุนผู้คนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives

2023-performanceAIAAIA Groupกลุ่มบริษัทเอไอเอผลประกอบการ
Comments (0)
Add Comment