ธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำผู้นำด้านนวัตกรรมการชำระเงิน ชูกลยุทธ์บัตรเครดิตกสิกรไทยสู่การใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟนเต็มรูปแบบ เปิดใช้ฟีเจอร์ “K Scan to Pay สแกนทั่ว เปย์ถึง” สแกนจ่ายคิวอาร์โค้ดบัตรเครดิตบน K PLUS โดยมีร้านค้ารับชำระได้แล้วกว่า 300,000 ร้านค้า ครอบคลุมแบรนด์ดังและร้านค้าด้านไลฟ์สไตล์ กิน ช้อปปิ้ง แฟชั่น ไอที และสุขภาพ จัดโปรโมชันพิเศษเมื่อใช้ K Scan to Pay รับคะแนน K Point เพิ่มสูงสุด 15 เท่า* ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้ มีลูกค้าใช้จ่ายบัตรเครดิตกสิกรไทยผ่าน K Scan-to-Pay กว่า 5 แสนราย และมียอดใช้จ่ายรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารยังขยายฐานร้านค้ารับชำระเงินให้พร้อมรองรับการใช้บัตรเครดิตกสิกรไทยด้วยฟีเจอร์ K Scan to Pay ทำให้ลูกค้าใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไปได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันมีร้านค้าให้บริการได้แล้วกว่า 300,000 ร้านค้า ครอบคลุมแบรนด์ดังและร้านค้าทั่วไปด้านไลฟสไตล์ กิน ช้อปปิ้ง แฟชั่น ไอที และสุขภาพ เช่น ท็อปส์ (TOPS) วัตสัน (Watsons) บูทส์ (Boots) แบล็ค แคนยอน (Black Canyon) คิงพาวเวอร์ (King Power) โพเมโล (Pomelo) จัสปาล กรุ๊ป (Jaspal Group) เครือกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เป็นต้น
พร้อมกันนี้ บัตรเครดิตกสิกรไทย ได้จัดโปรโมชันพิเศษเมื่อลูกค้าใช้ฟีเจอร์ K Scan to Pay บน K PLUS รับคะแนน K Point ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 โดยใช้ครบ 2 ครั้ง รับคะแนน K Point เพิ่ม 2 เท่า ใช้ครบ 8 ครั้ง รับคะแนน K Point เพิ่ม 8 เท่า และใช้ครบ 15 ครั้ง รับคะแนน K Point เพิ่ม 15 เท่า
นายณัฐพล กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าบัตรเครดิตกสิกรไทยรวมกว่า 4 ล้านใบ โดย 80% ได้ผูกบัตรเครดิตกสิกรไทยบน K PLUS และสามารถใช้ฟีเจอร์ “K Scan to Pay” ได้แล้ว คาดว่า ภายในสิ้นปี 2567 จะมีลูกค้าใช้งานฟีเจอร์ K Scan to Pay อย่างต่อเนื่องมากกว่า 5 แสนราย และมียอดใช้จ่ายรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
* บัตรเครดิตกสิกรไทย ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
* เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
* อ้างอิง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกช. 7/2566 เรื่อง การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องจัดทำและควบคุมโฆษณาให้มีเนื้อหาที่ “ถูกต้องและชัดเจน” ครบถ้วนและเปรียบเทียบเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้ และ “ไม่กระตุ้นให้ก่อหนี้เกินควร” เพื่อให้ลูกค้าได้รับและเข้าใจข้อมูลที่จำเป็นอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการมีวินัยทางการเงิน