ซีพีเอฟ ตอกย้ำมาตรฐานการเลี้ยง- ผลิตกุ้งปลอดภัย ส่งมอบสู่ผู้บริโภค
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งมั่นยกระดับผลิตภัณฑ์กุ้ง ชูมาตรฐานการเลี้ยงด้วยระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ควบคู่ใช้นวัตกรรมโปรไบโอติก ช่วยให้กุ้งสุขภาพแข็งแรงตามธรรมชาติ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพพรีเมียม ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ ล่าสุดได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้านการทดสอบ การตรวจสอบ และการรับรองระบบ ตอบโจทย์ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค
นายไพโรจน์ อภิรักษ์นุสิทธิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสัตวน้ำครบวงจร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ เดินหน้าพันธกิจสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้บริโภค ด้วยความใส่ใจตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกระบวนการเลี้ยงกุ้งที่ยึดหลัก 3 สะอาด คือ ลูกกุ้งสะอาด คัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่แข็งแรง ปลอดโรค เพาะเลี้ยงลูกกุ้งในระบบปิด ควบคุมคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวด พื้นบ่อสะอาด ปราศจากการสะสมของเชื้อโรค และ น้ำสะอาด โดยเน้นบริหารจัดการน้ำในฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเลี้ยงกุ้งระบบปิด ที่ควบคุมการเข้าออกฟาร์มอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งนำโปรไบโอติกฟาร์มมิ่งมาใช้ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กุ้งแข็งแรงตลอดการเลี้ยง ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภคและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ด้วยกระบวนการเลี้ยงดังกล่าว ล่าสุด ฟาร์มกุ้งของซีพีเอฟ จำนวน 7 แห่ง ซึ่งส่งวัตถุดิบกุ้งให้กับโรงงานอาหารแปรรูประโนด ได้แก่ ฟาร์มกาญจนดิษฐ์ ฟาร์ม SR1 ฟาร์มSR4 ฟาร์มอันดามัน ฟาร์มปากพนัง 1 นครฟาร์ม และฟาร์มระโนด ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ปลอดสารปฏิชีวนะ (Antibiotic Free Product Certification) จากบริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้านการทดสอบ การตรวจสอบ เป็นการดำเนินการตามมาตรฐานการตรวจนานาชาติ โดยตรวจติดตามโดยองค์กรผู้ให้การรับรอง (Third Party Audit)ที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจฟาร์มกุ้ง ซึ่งผลิตภัณฑ์กุ้งของซีพีเอฟ ได้ผ่านโปรแกรมการตรวจที่ออกแบบขึ้นเพื่อทวนสอบ และมั่นใจได้ว่ากุ้งที่ได้จากฟาร์มเลี้่ยงปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยง
“การได้รับรองผลิตภัณฑ์ปลอดสารปฏิชีวนะ บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเลี้ยงกุ้งที่ยึดหลัก 3 สะอาด พร้อมโปรแกรมโปรไบโอติกฟาร์มมิ่ง เพื่อการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นใหักับลูกค้าด้านความปลอดภัยอาหาร และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอาหารไทยในตลาดโลกอีกด้วย” นายไพโรจน์ กล่าว