เมื่อการดูแลยามเจ็บไข้ไม่ใช่เพียงการรักษาทางการแพทย์ แต่ยังรวมถึงการดูแลและการแสดงถึงความเข้าใจและห่วงใย โดยเฉพาะ “มะเร็ง” โรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลก นีเวีย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลก ที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแลผิวจากคนไทยมากว่าสามสิบปี ห่วงใยและเข้าใจถึงความต้องการของผู้ป่วย มุ่งหวังให้พวกเขาได้เข้าถึงการดูแลสุขภาพใจควบคู่ไปกับการรักษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า จึงได้เปิดโครงการ “นีเวีย ชวนแชร์ ส่งต่อความห่วงใยสร้างพลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็ง” (NIVEA Supporting Moment of Care) มอบรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์นีเวีย หนึ่งบาทต่อหนึ่งชิ้น รวมสูงสุดสามล้านบาท ผ่านร้านค้าพันธมิตรที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 24 มิถุนายน 2567 โดยจะมอบให้แก่มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เพื่อใช้ในกิจกรรมการดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัวให้ตระหนักรู้และเข้าใจโรคมะเร็ง สามารถดูแลรักษาตนเองได้อย่างถูกต้อง รวมถึงกิจกรรมที่สร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ให้มีแรงใจสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง
โครงการนี้เป็นหนึ่งในปฏิญาณและภารกิจระดับโลกของ ไบเออร์สด๊อรฟ ที่เล็งเห็นถึงปัญหาในองค์กรจึงต้องการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและส่งเสริมความคิดเชิงบวกในองค์กรเพื่อให้พนักงานเหล่านั้นได้มีกำลังใจและรับมือกับโรคร้ายได้อย่างเข้มแข็ง เพราะการสำรวจของบริษัทพบว่า 46% ของพนักงานไบเออร์สด๊อรฟได้รับผลกระทบจากภาวะเจ็บป่วยวิกฤตอย่างโรคมะเร็ง และเลือกจะไม่เปิดเผยให้ที่ทำงานรู้ และ 64% ของพนักงานเชื่อว่าภาวะเจ็บป่วยวิกฤตเป็นเสมือนตราบาปในที่ทำงาน จึงทำให้ไบเออร์สด๊อรฟต้องการหาวิธีที่จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตให้กับพนักงานและบุคคลแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบ
ในวันมะเร็งโลกประจำปี 2566 (World Cancer Day 2023) ไบเออร์สด๊อรฟ ได้ทำงานร่วมกันเหล่าพันธมิตรในการริเริ่ม “ปฏิญาณว่าด้วยการทำงานร่วมกับมะเร็ง” (Working with Cancer Pledge) ขึ้นและได้ออกเป็นนโยบาย “ภาวะเจ็บป่วยวิกฤตระดับโลก” (Global Critical Illness Policy) ในอีกหนึ่งปีให้หลัง โดยมีการกำหนดมาตรฐานขั้นพื้นฐานสำหรับพนักงานไบเออร์สด๊อรฟทุกคนทั่วโลก โดยทางองค์กรจะให้การสนับสนุนพนักงานและสมาชิกครอบครัวของพนักงานที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งหรือโรคอื่นที่คุกคามถึงชีวิตให้มีสิทธิได้รับสวัสดิการและความคุ้มครองในการทำงานอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เช่น การรักษาสถานภาพงานเป็นเวลาหนึ่งปี พร้อมรับเงินค่าจ้างเต็มจำนวน
โครงการ “นีเวีย ชวนแชร์ ส่งต่อความห่วงใยสร้างพลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็ง” (NIVEA Supporting Moment of Care) เกิดขึ้นเพราะต้องการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งทุกประเทศในอาเซียน และยังเป็นการต่อยอดจากนโยบายของบริษัท ไบเออร์สด๊รอฟ จำกัด ประเทศเยอรมนี เจ้าของแบรนด์นีเวีย อีกด้วย สำหรับประเทศไทย นีเวีย จะมอบรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นีเวียทุกประเภท หนึ่งบาทต่อหนึ่งชิ้น รวมสูงสุดสามล้านบาทแก่มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เพื่อนำไปจัดทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจแก่ผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น อาสาสมัครร่วมในกลุ่มไลน์อาสาเพื่อนมะเร็ง เวิร์กชอปเรียนรู้และเข้าใจการดูแลรักษามะเร็ง กลุ่มพูดคุยแนะแนวและสร้างกำลังใจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ป่วยมะเร็ง และเวิร์กชอปทำงานแฮนด์เมดเป็นของให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็ง นอกจากนี้ นีเวียยังร่วมสนับสนุนในการดูแลผู้ป่วยด้วยการช่วยเหลือในการเดินทางไปรับการรักษา และมอบผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณนีเวีย ได้แก่ นีเวียครีมตลับสีฟ้า จำนวน 2,000 ชิ้น นีเวียแฮนด์ครีม จำนวน 5,000 ชิ้น และนีเวียลิปแคร์ จำนวน 5,000 ชิ้น แก่ผู้ป่วยมะเร็งในความดูแลของมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งและพันธมิตรอีก 11 แห่ง ทั่วประเทศ
ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างกำลังใจและส่งต่อความห่วงใยถึงผู้ป่วยมะเร็ง ให้มีพลังใจในการก้าวเดินต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง พร้อม ๆ กับการดูแลผิวให้สวยสุขภาพดีไปกับนีเวียได้อย่างง่ายดาย เพียงซื้อผลิตภัณฑ์นีเวียจากร้านค้าพันธมิตรที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 24 มิถุนายน 2567 โดย นีเวีย บริจาค หนึ่งบาทต่อหนึ่งชิ้น เพื่อสมทบทุนมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เพื่อส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและครอบครัวให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อย่างเข้มแข็ง
ด้วยตระหนักถึงปัญหาด้านคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีของผู้คน นอกจากโครงการนี้ นีเวีย ภายใต้ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ยังได้ดำเนินโครงการสนับสนุนด้านการแพทย์และสาธารณสุขในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สมทบทุนการทำวิจัยและพัฒนาวัคซีนไวรัสโควิด-19 แก่ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การสนับสนุนแอลกอฮอล์มาตรฐานการแพทย์ จำนวน 20,000 ลิตร แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง และนีเวีย ครีม ตลับสีฟ้า รุ่นพิเศษ จำนวน 86,000 ชิ้น แก่บุคลากรทางการแพทย์ และสถานพยาบาล ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกด้วย