ดีลอยท์จับมือ SME D BANK เดินหน้าโครงการปั้น SMEs- Startups ก้าวสู่ตลาดทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ ปีที่ 2
ดีลอยท์ ประเทศไทย ผนึก SME D BANK ภายใต้การสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ไลฟ์ ฟินคอร์ป เดินหน้าจัดโครงการ Acceleration Program – Road to LiVE 2024 รุ่นที่ 2 ด้วยหลักสูตรติดอาวุธ SMEs- Startups ก้าวสู่ตลาดทุน เพิ่มศักยภาพธุรกิจ เสริมความรู้ในการเตรียมความพร้อมและพัฒนาระบบงานที่สำคัญ การแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหลากสาขา สนับสนุนการต่อยอดเครือข่ายธุรกิจ จำลองการนำเสนอและรับฟังความเห็นจากนักลงทุนตัวจริง รวมถึงโอกาสรับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนสูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการแล้ววันนี้ – 31 พฤษภาคม 2567 นี้
นายชวาลา เทียนประเสริฐกิจ Audit & Assurance Leader ดีลอยท์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับเกียรติร่วมเป็นที่ปรึกษาโครงการ Acceleration Program – Road to LiVE 2024 รุ่นที่ 2 หรือเส้นทางเตรียมความพร้อมสู่ตลาดทุน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ ดีลอยท์ ประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D BANK) และ บริษัท ไลฟ์ ฟินคอร์ป จำกัด (LiVE) จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 เพื่อเสริมความพร้อมที่สำคัญให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อม (SMEs) และสตาร์ตอัพไทย (Startups) ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดทุน “LiVE Exchange” เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยหวังให้บริษัทเหล่านี้พัฒนาและเติบโตต่อไปได้เป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไป
“ความร่วมมือครั้งนี้ ดีลอยท์ ได้ร่วมให้คำปรึกษา แนะนำแนวทางเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมให้ SMEs และ Startups ที่เข้าร่วมโครงการ สามารถพัฒนาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และสามารถระดมทุนผ่านกลไกตลาดทุนได้ตามวัตถุประสงค์ โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับคำแนะนำตั้งแต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานจากธุรกิจครอบครัวสู่ธุรกิจมหาชน การทำแผนธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง และกำหนดการควบคุมภายใน ทั้งประเด็นทางกฎหมาย การวางแผนภาษี การจัดทำรายงานทางการเงินตามมาตรฐานที่กำหนด การสร้างความสนใจจากนักลงทุน ฯลฯ” นายชวาลา กล่าว
ทั้งนี้ ดีลอยท์ ยังมีส่วนร่วมประเมินผลผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน หรือ “CMDF” ในสัดส่วนราว 75% ของค่าใช้จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 80% ของกิจกรรม Workshop สามารถส่งรายงานความคืบหน้าของการเตรียมความพร้อม และปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวทางที่ผู้เชียวชาญแนะนำ สำหรับส่วนงานที่ยังไม่พร้อมแต่สามารถระบุเวลาในการปรับปรุงให้ชัดเจน ก็มีโอกาสที่จะได้รับทุนสนับสนุนเช่นกัน
ด้านนายประสิชฌ์ วีระศิลป์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D BANK) กล่าวว่า โครงการ Acceleration Program – Road to LiVE 2024 รุ่นที่ 2 นับเป็นความร่วมมือระหว่าง SME D BANK กับ ดีลอยท์ ประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการ SMEs และ Startups เข้าร่วมและผ่านการอบรมในโครงการรุ่นที่ 1 จำนวน 22 บริษัท และจากความสำเร็จของโครงการแล้วนั้น ผู้เข้าร่วมโครงการได้คู่ค้าและพันธมิตรที่ต่อยอดความร่วมมือระหว่างกัน (Synergy) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน รวมถึงได้สร้างโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้นำเสนอแผนธุรกิจต่อ Private Equity Trust Fund ของ SME D Bank และเข้าสู่กระบวนการร่วมลงทุน จำนวน 3 บริษัท
สำหรับโครงการ Acceleration Program – Road to LiVE 2024 รุ่นที่ 2 มีระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 – มิถุนายน 2568 โดยเปิดรับสมัครผู้ประกอบการ SMEs ขนาดกลางขึ้นไป โดยธุรกิจประเภทผู้ให้บริการ ต้องมีรายได้อยู่ระหว่าง 51 – 300 ล้านบาทต่อปีและธุรกิจประเภทผู้ผลิต ต้องมีรายได้อยู่ระหว่าง 101 – 500 ล้านบาทต่อปี ส่วน Startups ต้องมี Venture Capital / Private Equity ร่วมลงทุน เพื่อคัดเลือกเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้ โดยต้องเป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ตลาดทุน มีนโยบายและแผนธุรกิจ โครงสร้างองค์กร, การบริหารจัดการภายใน, ระบบงานที่สำคัญ (Enterprise System) รวมถึงความพร้อมของข้อมูลทางการเงิน เพื่อสามารถจัดทำระบบการเงินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้องค์กรพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตต่อไป
ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนรู้พัฒนาธุรกิจและเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1. การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ เสริมความรู้ในการเตรียมความพร้อม และพัฒนาระบบงานที่สำคัญ 2. ให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ (Coaching) ตรงตามความสนใจของผู้ประกอบการ 3. ต่อยอดเครือข่ายธุรกิจ (Networking) และ 4. จำลองการนำเสนอ (Pitching) และรับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนตัวจริง
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด ภายใต้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ซึ่งได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างอนาคตสำหรับทุกภาคส่วน รวมถึงการสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ผ่าน LiVE Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต พัฒนาขีดความสามารถในมิติต่างๆ และเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงแหล่งทุนในตลาดทุน ซึ่งโครงการ Acceleration Program – Road to LiVE รุ่นที่ 2 เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และเตรียมความพร้อมสำหรับเจ้าของธุรกิจ และบุคลกรในระดับบริหาร ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีเป้าหมายและแผนระดมทุนในอนาคต ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแผนกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจ กลไกการระดมทุน และขั้นตอนเตรียมความพร้อมต่างๆ เช่น ระบบงานด้านบัญชีการเงิน ระบบบริหารการจัดการควบคุมภายใน และการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยหวังให้บริษัทเหล่านี้ได้พัฒนาและเติบโตเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) อย่างมีคุณภาพต่อไป”